Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

วิธีจั๊มแบตรถยนต์ที่ถูกต้อง ทำได้อย่างไร


วันที่เผยแพร่: 2 ส.ค. 2567

แชร์ไปยัง

ปัญหาแบตเสื่อมเป็นปัญหาที่ผู้ขับขี่หลายคนต้องเคยเผชิญ โดยเฉพาะตอนที่แบตเสื่อมโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นการมีสายจั๊มแบตติดรถของเราเอาไว้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพื่อที่เราจะได้นำจั๊มแบตได้ในยามฉุกเฉิน แล้วจะสามารถจั๊มแบตอย่างไรให้ถูกวิธี และปลอดภัย สามารถมาดูวิธีจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ ฉบับมือใหม่ก็ทำได้ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดผ่านบทความนี้กันเลย 

แบตรถหมด เกิดจากอะไร

แบตรถยนต์หมด หรือเสื่อมนั้นทำให้เรารู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้เสียเงินแล้ว ยังทำให้เสียเวลาอีกด้วย โดยแบตรถที่หมดนั้นเป็นเพราะแบตเตอรี่อ่อนกำลัง ไม่ได้รับการชาร์จไฟ หรือไฟไม่เข้า ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตรถหมดนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • จอดรถทิ้งไว้นาน ซึ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อม ไฟในตัวแบตเตอรี่จะอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ 

  • เปิดไฟรถทิ้งเอาไว้นาน ๆ ส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตสั้นลง 

  • แบตเตอรี่ครบรอบอายุการใช้งาน โดยปกติอายุการใช้งานจะอยู่ที่ 2-5 ปี แต่อย่างไรก็ดีอายุการใช้งานก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานของเรา ยี่ห้อ หรือคุณภาพของแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน 

อาการแบตรถหมด สังเกตได้อย่างไร

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่รถยนต์กำลังจะหมด สัญญาณเหล่านี้คือสิ่งที่จะบ่งบอกถึงอาการของแบตรถที่ใกล้จะหมดได้ โดยมีข้อสังเกตดังนี้

  • รถสตาร์ตติดยากกว่าปกติ 

  • ไฟรถไม่ค่อยสว่าง หรือไม่สามารถให้แสงสว่างได้เท่าเดิม 

  • แอร์เริ่มไม่เย็น 

  • แตรรถมีเสียงเบา ส่งเสียงไม่ต่อเนื่อง หรือกดแตรไม่ติด 

  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เริ่มไม่เสถียร ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ 

ซึ่งหากรถของเราเริ่มมีอาการเหล่านี้ให้คาดเดาได้เลยว่าแบตของเรากำลังจะหมด หรือใกล้เสื่อมสภาพแล้ว 

วิธีจั๊มแบตรถยนต์ ที่ถูกต้อง และปลอดภัย ฉบับมือใหม่ก็ทำได้

เรามาดูวิธีจั๊มแบตรถยนต์ที่ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก แถมยังถูกต้อง และปลอดภัย แม้แต่มือใหม่ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์แบตหมด หรือแบตเสื่อมด้วยตนเองได้ ดังนี้ 

1. เตรียมสายจั๊มแบตให้เรียบร้อย

อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในการจั๊มแบตรถยนต์คือสายจั๊มแบตที่ต้องเตรียมให้พร้อม สายจั๊มจะมีด้วยกันสองเส้น คือเส้นสีแดงที่เป็นขั้วบวก และสีดำ/สีเขียวเป็นขั้วลบ โดยสายจั๊มแบตเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่เราควรมีติดรถเอาไว้เผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินนั่นเอง 

2. ปิดระบบไฟของรถทั้ง 2 คัน

เมื่อเตรียมสายจั๊มแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วให้เราเอารถที่จะช่วยพ่วงไฟ หันหน้ารถเข้ามาใกล้กัน เพื่อเตรียมจั๊มแบตรถยนต์ โดยก่อนที่เราจะพ่วงสายไฟนั้นเราจำเป็นที่จะต้องดับเครื่องยนต์ หรือปิดระบบไฟของรถทั้งสองคันให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นไฟรถยนต์ วิทยุ เครื่องเสียง แอร์ เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากประกายไฟ หรือการระเบิดระหว่างการพ่วงสายไฟ

3. ต่อสายจั๊มแบตให้เรียบร้อย

นำสายเส้นแรกคือสีแดง(ขั้วบวก) ต่อเข้ากับขั้วของแบตเตอรี่ที่หมด ส่วนสีแดงอีกด้านจะจั๊มเข้ากับขั้วของแบตที่มีไฟ  และจากนั้นจะนำสายเส้นที่สองคือสีดำ/เขียว(ขั้วลบ) ต่อเข้ากับขั้วของแบตเตอรี่ที่มีไฟ จากนั้นนำอีกด้านของสายสีดำต่อกับจุดกราวด์ของรถที่แบตหมด

4. สตาร์ตรถเพื่อชาร์จแบต

เมื่อต่อสายไฟครบทั้งหมดแล้ว เราจะจั๊มแบตเตอรี่โดยการสตาร์ตรถคันที่ช่วยชาร์จไฟทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที และเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยเป็นระยะเพื่อก่อให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า หลังจากนั้นก็ให้เราลองสตาร์ตเครื่องยนต์ที่ถูกชาร์จ จากนั้นให้เร่งเครื่องยนต์เบา ๆ และสตาร์ตทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที 

5. ทำการถอดสายจั๊มแบต

เมื่อทำการจั๊มแบตรถยนต์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เราค่อย ๆ ถอดสายจั๊มแบตตามลำดับให้ถูกต้อง โดยอันดับแรกเริ่มถอดจากขั้วลบของรถที่แบตหมด ตามด้วยถอดขั้วลบของแบตรถที่มาช่วย ถัดมาจึงจะเริ่มถอดขั้วบวกของรถที่มาช่วยก่อน แล้วจึงค่อยถอดสายขั้วบวกของรถที่แบตหมดเป็นอันดับสุดท้าย หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ เลย คือการทำย้อนลำดับจากตอนที่เราจั๊มแบตรถยนต์ในตอนแรกนั่นเอง 

ข้อควรระวัง! ระหว่างทำการจั๊มแบตรถยนต์

วิธีการจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ควรทำให้ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของตนเอง โดยในระหว่างการจั๊มแบตรถยนต์มีข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้ 

  • ระวังขั้วหรือสายจั๊มต่างขั้วมาสัมผัสกัน เพื่อป้องกันการลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้น

  • ห้ามสตาร์ตรถทั้งสองคันพร้อมกันเด็ดขาด 

  • ห้ามพ่วงสายแบตสีดำกับขั้วลบแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตหมด 

  • ระวังการกระทำต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟขณะจั๊มแบตรถยนต์ เช่น จุดไฟแช็ก หรือสูบบุหรี่ 

  • ระมัดระวังไม่ให้แบตเตอรี่เอียงหรือตะแคง เพื่อป้องกันอันตรายจากการรั่วไหลของน้ำกรดตามรูระบาย 

  • ควรสวมใส่เครื่องมือป้องกัน เช่น ถุงมือ หรือแว่นตาป้องกันดวงตา ทุกครั้งที่มีการสัมผัสแบตเตอรี่รถยนต์ 

  • ระมัดระวังในตอนที่ต้องต่อสายพ่วงหรือถอดสายจั๊มแบตออก โดยจะต้องต่อสายหรือถอดสายตามลำดับให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอันตรายจากกระแสไฟ 

แบตเตอรี่มีอายุกี่ปี

โดยปกติแล้วมาตรฐานการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 2-5 ปี หากแต่อายุการใช้งานอาจแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา ยี่ห้อ หรือราคา ที่จะถูกผลิตออกมาให้มีอายุหรือระยะการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย อีกทั้งพฤติกรรมการใช้รถของเราเองก็ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยเช่นกันตามที่พอจะได้กล่าวไปข้างต้นแล้วถึงสาเหตุของอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม 

ทำอย่างไร เพื่อป้องกันรถแบตหมดกะทันหัน

การที่แบตหมดจนทำให้รถสตาร์ตไม่ติดเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจไม่น้อย เรามาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยป้องกัน และแก้ไขปัญหาแบตหมดกะทันหัน เพื่อที่จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ หรือทำให้พบเจอกับเหตุการณ์กะทันหันเหล่านี้เราจะได้รับมือได้ทัน 

เปลี่ยนแบตใหม่ เมื่อรถเริ่มส่งสัญญาณเตือน

แน่นอนว่าเมื่อรถของเราเริ่มส่งสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่ทำให้เราสังเกตได้ว่าแบตใกล้หมด เราก็ควรที่จะเปลี่ยนแบตใหม่ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจั๊มแบตรถยนต์ หากแบตเกิดหมดขึ้นมากะทันหัน และสามารถเปลี่ยนแบตได้ที่ Autobacs รับรองได้เลยว่าจะได้แบตเตอรี่รถยนต์ที่คุณภาพดี มีประสิทธิภาพ คุ้มค่าคุ้มราคา อีกทั้งยังมีส่วนลดมากมาย การเปลี่ยนแบตกับ Autobacs จะช่วยให้ทุก ๆ การเดินทางของเราปลอดภัยหายห่วงแน่นอน 

เลี่ยงการเปิดไฟทิ้งไว้บนรถ

การเปิดไฟรถทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมดได้ง่าย ๆ เช่นกัน แม้การเปิดไฟทิ้งไว้จะไม่ได้ส่งผลอันตรายรุนแรงมากนัก แต่การป้องกันที่จุดเล็ก ๆ อย่างเรื่องไฟนี้เองก็เป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนหลงลืม และแน่นอนว่าหากเราหลงลืมจุดเล็ก ๆ นี้ไป ก็อาจจะส่งผลต่อเรื่องใหญ่ ๆ อย่างแบตเตอรี่รถหมดได้

ไม่ควรจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานเป็นสัปดาห์ โดยไม่สตาร์ต

การจอดรถทิ้งเอาไว้โดยไม่ได้ใช้งาน หรือไม่ได้สตาร์ตรถจะทำให้แบตเสื่อม หรือแบตหมดได้ในที่สุด เนื่องจากแบตของรถเราจะทำการคายประจุไฟอยู่ตลอดเวลาแม้ในช่วงที่เราไม่ได้ขับ และเมื่อแบตเตอรี่รถคายประจุไฟนานวันเข้า ก็จะทำให้แบตเสื่อมหรือแบตหมดไปได้ 

สรุป 

อาการแบตเตอรี่รถยนต์หมดกะทันหัน หรือแบตเสื่อมสภาพเป็นเรื่องที่ผู้ขับขี่หลายคนเคยเผชิญ และพบว่าปัญหาเหล่านี้สร้างความกังวล และความรำคาญใจให้เราไม่น้อยเลย เพราะอาจจะทำให้เราเสียเวลาที่จะต้องมาจั๊มแบตรถยนต์เอง หรือต้องเรียกช่างมาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ดังนั้นเราจึงควรที่จะหมั่นตรวจสอบและดูแลแบตเตอรี่รถยนต์เราบ่อย ๆ โดยการสังเกตอาการของรถเบื้องต้น ทั้งการสตาร์ต ระบบไฟฟ้าภายในรถ หากพบว่าเริ่มมีสัญญาณดังกล่าวเตือนเราแล้ว เราก็ควรที่จะป้องกันและเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ให้ทันเวลาเพื่อที่จะช่วยให้ปัญหากวนใจหมดไป โดย Autobacs มีบริการตรวจเช็กรถยนต์ อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำ และคำปรึกษาทั้งเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ หรือทุกเรื่องรถ ให้บริการ ครบ เคลียร์ จบ ในที่นี่ที่เดียว 

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsสาระน่ารู้อื่นๆ

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top