ล้างแอร์รถยนต์ เพื่อประสิทธิภาพที่ดี แต่คนมองข้าม
วันที่เผยแพร่: 23 ก.ค. 2567
ล้างแอร์รถยนต์ช่วยให้แอร์เย็น และแรงขึ้น แถมยังทำให้บรรยากาศบนรถสดชื่น และปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญการล้างแอร์รถถือว่าเป็นการดูแลรถยนต์ที่ทำให้แอร์รถยนต์สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในการล้างแอร์รถยนต์อย่างน้อยจะต้องทำการล้างปีละ 1 ครั้งหรือการใช้งานในทุก 20,000 กิโลเมตรเป็นต้นไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถยนต์ของในแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย
หลายคนที่มีการพบเจอปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็นก็จะต้องทำการล้าง โดยจะต้องมีการทำความเข้าใจก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมนั้นเกิดจากอะไรเพราะมีอยู่หลายประการ แต่เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีความผิดปกติมากน้อยอย่างไร สามารถเข้ามาดูกันได้ว่าล้างแอร์รถยนต์ทำได้ยังไง ควรทำเมื่อไร แล้วมีผลดีอย่างไรบ้างกันได้เลย
ล้างแอร์รถยนต์ เมื่อไรดี?
ปกติแล้วสำหรับการทำความสะอาดช่องแอร์รถยนต์ หรือล้างแอร์รถยนต์อย่างน้อยจะต้องทำการล้างปีละ 1 ครั้ง หรือทุกระยะการใช้งานครบ 20,000 กิโลเมตรเป็นต้นไป ซึ่งแน่นอนว่าก็จะมีข้อสังเกตอาการมากมายที่เกิดขึ้นว่าในขณะที่ใช้งานรถนั้นแอร์มีลักษณะเป็นอย่างไร เพราะจะถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้ใช้งานรถยนต์จะต้องทำการล้างแอร์ โดยจะมีสัญญาณบอกดังต่อไปนี้
ลมแอร์รถยนต์เบา มีลมออกมาน้อย
เมื่อเปิดใช้งานแอร์รถยนต์มีกลิ่นอับภายในรถ
ทำการล้างแอร์รถยนต์ทันทีเมื่อมีน้ำแอร์หลุดออกมาจากช่องแอร์
เมื่อมีการเปิดใช้งานแอร์แล้วมีเสียงดัง ก็จะต้องทำการล้างแอร์
สาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์สกปรก ต้องล้างด่วน!
แน่นอนว่าแอร์รถยนต์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยรักษาอุณหภูมิภายในตัวรถยนต์ โดยระบบการหมุนเวียนอากาศภายในตัวรถยนต์นั้นจะต้องใช้หลักการทำงาน โดยการดูอากาศจากบริเวณช่องวางขาตอนหน้า จากนั้นจะมีการนำอากาศส่งผ่านชุดทำความเย็นที่เรียกว่าแผงคอยล์เย็น แต่ในรถยนต์บางรุ่นจะไม่มีคอยล์เย็น หรือไส้กรองอากาศ ถึงแม้ว่าจะมี หรือไม่มีก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความสกปรกที่มีการเกาะติดได้ ดังนั้นทุกคนก็จะต้องรู้สาเหตุหลักที่ทำให้แอร์รถยนต์สกปรกจึงต้องทำการล้างแอร์รถยนต์ด่วน โดยมีสาเหตุดังนี้
เกิดจากฝุ่นที่เข้ามาภายในตัวรถยนต์โดยการเปิดประตู เปิดกระจก ฝุ่นจากรองเท้า สิ่งของที่อยู่ภายในรถ
เกิดจากเครื่องน้ำหอมทุกชนิด เมื่อมีกลิ่นที่ระเหยก็ได้มีการถูกพัดลมดูดกลับเข้าไปในระบบของช่องแอร์ โดยน้ำหอมส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของสิ่งที่ไม่ได้ทำมาจากธรรมชาติ ทำให้มีการจับตัวกับฝุ่นที่ติดค้างในคอยล์เย็น จนกลายเป็นเมือกเหนียวเกาะติดตู้แอร์ ก็จะยิ่งทำให้มีการจับสิ่งสกปรกมากขึ้น และมีกลิ่นเหม็นอับตามมา
กลิ่นของอุปกรณ์ภายในรถ เช่นผ้ายางปูพื้น กลิ่นของเบาะหนัง หรือกาวที่ใช้ในการประกอบ การล้างทำความสะอาดภายในที่ใช้น้ำยาหรือการเคลือบเบาะ รวมไปถึงกลิ่นอาหารที่นำเข้ามาภายในตัวรถ ซึ่งคืนเหล่านี้ก็จะเป็นผลที่ทำให้เกิดกลิ่นอับ
ล้างแอร์รถยนต์ ดียังไง?
หลายคนคงจะมีความคิดที่ว่ารถก็เปรียบเสมือนบ้าน เพราะบางคนได้มีการใช้ชีวิตในรถเสมือนกับการอยู่ที่บ้าน ดังนั้นการล้างแอร์รถยนต์ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ใช้งานรถยนต์ควรให้การดูแล และใส่ใจ ซึ่งจะมาบอกข้อดีของการล้างแอร์รถยนต์ให้ทุกคนที่รักรถได้ทราบดังต่อไปนี้
ทำให้อากาศภายในรถสดชื่น
การล้างระบบแอร์รถยนต์จะทำให้อากาศภายในตัวรถสดชื่น เมื่อมีการล้างสิ่งสกปรก เชื้อโรค หรือฝุ่นละอองที่มีการติดอยู่ภายในตู้ของแอร์รถยนต์แล้ว อากาศภายในรถก็จะสะอาดสดชื่นขึ้น ทำให้สามารถสูดหายใจได้อย่างเต็มปอด
การทำงานของแอร์รถยนต์ดีขึ้น
เมื่อล้างแอร์รถยนต์แล้วก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบแอร์ได้ดีขึ้น เมื่อแอร์รถยนต์สะอาด ปราศจากสิ่งสกปรกที่ไปอุดตัน ก็จะทำให้สามารถทำการถ่ายเทความเย็น และความร้อนภายในตัวรถได้ดี ซึ่งจะทำให้แอร์ภายในรถเย็นขึ้นไปด้วย
ช่วยประหยัดน้ำมัน
การล้างแอร์รถยนต์จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการประหยัดน้ำมัน เพราะเมื่อแอร์รถยนต์สะอาด คอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนัก และช่วยประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
ยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์
เมื่อทำการล้างระบบแอร์รถยนต์แล้ว จะทำให้ระบบการใช้งานของแอร์ยืดอายุการใช้งานได้ เพราะสิ่งสกปรก และเชื้อโรคที่ไปอุดตันเป็นเวลานาน คือตัวสำคัญที่ทำให้มีการกัดกร่อนให้คอยล์เย็นเกิดการรั่วซึมเร็วขึ้น ดังนั้นการล้างแอร์รถยนต์จึงเป็นการยืดอายุการใช้งานของระบบแอร์ได้ดีที่สุด
กำจัดสิ่งสกปรก และฝุ่นละออง
เมื่อมีการเปิดใช้งานแอร์รถยนต์ทุกวัน จะมีสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมในตู้แอร์ ดังนั้นจึงควรล้างแอร์รถยนต์ทุก 1 ปี หรือทุกการใช้งานระยะทาง 20,000 กิโลเมตร เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้งาน ควรมีการใส่ใจในการกำจัดสิ่งสกปรก และฝุ่นละอองที่อยู่ภายในตู้แอร์ของรถยนต์
ล้างแอร์รถยนต์ถอดตู้ VS ล้างแอร์รถยนต์ไม่ถอดตู้
สำหรับการล้างแอร์รถยนต์จะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้ และการล้างแอร์รถยนต์ไม่ถอดตู้ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองรูปแบบก็จะมีความแตกต่างกันออกไป มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาดูความแตกต่างของการล้างแอร์รถยนต์แบบต่อตู้และไม่ถอดตู้ได้ดังต่อไปนี้
ล้างแอร์รถยนต์ถอดตู้
สำหรับการล้างระบบแอร์รถยนต์แบบถอดตู้จะต้องมีการรื้อตู้แอร์ จากนั้นให้นำเอาแผงคอยล์เย็น และแผงคอยล์ความร้อนออกมาทำการล้าง เมื่อล้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะต้องเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ และจะต้องทำการเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์วความดัน ถ้าหากไม่เปลี่ยนก็จะทำให้ท่อแอร์เกิดการรั่ว ซึ่งจะเกิดจากความชื้นที่เข้าไปอยู่ในระบบแอร์
ข้อดี
สามารถทำการล้างแอร์ได้สะอาด และละเอียดกว่าการล้างแอร์ไม่ถอดตู้
ทำให้สามารถตรวจสอบสภาพการใช้งานตู้แอร์ได้
สามารถทำการประเมินอายุการใช้งานได้
การล้างแอร์แบบถอดตู้จะทำให้ใช้ระยะเวลาพอสมควร และเสียเงินมากกว่าการล้างแบบไม่ถอดตู้
ข้อจำกัด
มีความยุ่งยากสำหรับการรื้อคอนโซลรถ ส่งผลให้เกิดความเสียหายจากการถอดคอนโซลได้
ใช้ระยะเวลาในการทำความสะอาดตู้แอร์นานกว่าแบบไม่ถอดตู้
มีค่าใช้จ่ายในการล้างทำความสะอาดแอร์รถยนต์โดย Flushing ระบบแอร์รถยนต์ราคาสูงกว่าแบบไม่ถอดตู้
ทำให้เกิดการกัดก่อนของคอยล์เย็นได้ เนื่องจากอาจจะทำการล้างน้ำยาออกได้ไม่หมด
ล้างแอร์รถยนต์ไม่ถอดตู้
สำหรับการล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้จะต้องใช้น้ำยาล้างเฉพาะ โดยการล้างแอร์ไม่ถอดตู้จะเหมาะกับรถที่ล้างแอร์รถยนต์ปีละ 1 ครั้ง หรือรถใหม่ เหมาะกับรถที่มีการดูแลรักษาตู้แอร์เป็นประจำ โดยจะมีการนำกล้องขนาดเล็กเข้าไปส่องตรวจสอบตู้แอร์ เพื่อดูว่ามีสิ่งสกปรกมากน้อยเพียงใด ถึงจะทำความสะอาดได้ ถ้าสามารถทำความสะอาดได้ก็จะทำการฉีดโฟมหรือน้ำยาเข้าไปที่แผงคอยล์เย็น แล้วจึงใช้น้ำเปล่าและลมเป่าในการทำความสะอาด
ข้อดี
ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนสำหรับการรื้อคอนโซลรถยนต์
เป็นการล้างแอร์รถยนต์ที่สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกได้ง่าย
มีค่าใช้จ่ายในการ Flushing ระบบแอร์รถยนต์ราคาที่ถูกกว่าแบบถอดตู้
ใช้เวลาในการทำความสะอาดน้อย และสามารถทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว
ข้อจำกัด
สำหรับรถยนต์ใดที่ไม่ได้มีการทำความสะอาดตู้แอร์มาเป็นระยะเวลานาน ก็จะทำให้ไม่สามารถล้างสิ่งสกปรกออกได้อย่างสะอาดเหมือนกับการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้แอร์
ล้างแอร์รถยนต์เอง ทำได้ไหม
สามารถทำการล้างแอร์รถยนต์ด้วยตนเองได้ แต่ก็จะต้องรู้ถึงวิธีล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเองที่ถูกต้อง ดังนี้
การล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเองในขั้นตอนแรกจะต้องทำการฉีดโซดาไฟเหลว
หลังจากนั้นให้ทำการฉีดน้ำยาในการทำความสะอาดคอยล์เย็น
จากนั้นให้ฉีดสเปรย์โฟมแอร์รถยนต์ แล้วให้ฉีดสเปรย์โฟมแอร์บ้าน แต่แน่นอนว่าในการล้างแอร์รถยนต์ด้วยตนเองนั้นก็จะทำให้มีผลเสีย หรือเสี่ยงต่อการที่จะทำให้ระบบรถยนต์พังได้ถ้าหากไม่เคยทำหรือไม่ได้เข้าใจถึงวิธีการล้างแอร์รถยนต์มาก่อน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าไม่ควรทำเอง เพราะอาจจะทำความสะอาดได้ไม่ดี มีสารตกค้าง หรืออาจทำให้ระบบรถยนต์พัง ควรให้ช่างมืออาชีพทำจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
ล้างแอร์รถยนต์ควบคู่กับอบโอโซน ดียังไง
แน่นอนว่าในปัจจุบันเครื่องมือสำหรับการล้างระบบแอร์ก็ได้มีการพัฒนาให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องอบโอโซนก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทุกคนควรทำคู่กันหลังจากทำการล้างแอร์รถยนต์เสร็จสิ้นแล้ว เพื่อที่จะทำให้ชิ้นส่วนภายในตัวรถนั้นสะอาด และปราศจากฝุ่นได้ดีที่สุด
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตามในการทำความสะอาดระบบแอร์ภายในรถยนต์ก็มีความสำคัญมาก เพราะอากาศที่คนหายใจเข้าไปในทุกวัน อากาศที่ทุกคนคิดว่าบริสุทธิ์ ในบางครั้งก็อาจจะเป็นตัวการที่ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนจะไม่ผิดหวัง ถ้าหากได้เข้ามาใช้บริการทำความสะอาดแอร์ ล้างแอร์ + อบโอโซน Air Klean สำหรับรถญี่ปุ่น จาก Autobacs เพราะมีการให้บริการที่ดีที่สุด มีการดูแลใส่ใจในทุกวิธีการล้างแอร์อย่างถูกต้อง และเหมาะสม
สรุป
การล้างแอร์จะต้องทำในทุก 1 ปี หรือทุกระยะ 20,000 กิโลเมตรเป็นต้นไป โดยในการล้างแอร์รถยนต์ก็มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ซึ่งจะมีการล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้ และการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้ แต่ไม่ว่าจะเลือกทำการล้างแอร์รถยนต์ด้วยรูปแบบไหน ก็จะทำให้ตู้แอร์สะอาด และปราศจากสิ่งสกปรกอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การล้างแอร์รถด้วยตัวเอง จะเสี่ยงต่อการที่ทำให้ระบบการใช้งานของรถยนต์พังได้ ควรใช้บริการกับช่างล้างแอร์รถยนต์ที่มีฝีมือ และถ้าหากต้องการล้างแอร์รถยนต์จากช่างมืออาชีพ มีอุปกรณ์ล้างแอร์ครบครัน ไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง และไม่ต้องกลัวว่าจะทำผิดวิธีจนทำลายระบบแอร์รถยนต์ มาที่ Autobacs Thailand เพราะมีบริการล้างรถยนต์ + อบโอโซนจากช่างมืออาชีพ มากประสบการณ์ มั่นใจได้เลยว่ารถยนต์ของคุณจะถูกดูแลอย่างดีแน่นอน