 (1).jpg)
รถสั่นเวลาจอดเกิดจากอะไร อันตรายไหม แก้ไขอย่างไร
Post Date: 9 Aug 2024
รถสั่นเวลาจอดเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ และมีวิธีแก้ไขอย่างไร
Key Takeaway
อาการรถสั่นที่สังเกตได้ เช่น รถสั่นเมื่อหยุดรถ เมื่อแตะเบรกด้วยน้ำหนักมากๆ เมื่อขับรถเร็วๆ เมื่อตอนเลี้ยวรถ หรืออยู่ๆ ก็สั่นจนกินเลนซ้าย เลนขวา
อาการรถสั่น อาจเกิดจากช่วงล่างรถเสียหาย ยางเสื่อมสภาพ โช้คอัพเสียหาย เครื่องยนต์ภายในมีปัญหา หรือเกียร์อาจจะใช้งานไม่ได้
โดยสามารถแก้ไขปัญหารถสั่นได้โดยการเปลี่ยนจานเบรกใหม่ เข้าศูนย์ถ่วงล้อ หรือปรับเพลาขับให้สมดุล ตรวจเช็กช่วงล่าง เปลี่ยนยางใหม่ ใส่ปลอกกันสั่น เปลี่ยนลูกปืนล้อใหม่ และเปลี่ยนล้อแม็กใหม่
รถอาจมีปัญหาได้ตลอดเวลา แม้ในยามที่กำลังเร่งรีบ หรือขณะที่อยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย อย่างในกรณีที่รถสั่นเป็นเจ้าเข้า จนทำให้ผู้ขับขี่รำคาญใจ และเป็นกังวลว่าจะเกิดปัญหา หรือจะเกิดอันตรายในการขับขี่บนท้องถนนหรือไม่ แล้วอาการรถสั่นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้หรือไม่ มาหาคำตอบได้ในบทความนี้
อาการรถสั่นที่สังเกตได้ มีอะไรบ้าง
หากขณะที่กำลังขับรถ แล้วเกิดอาการรถสั่นที่ความเร็วต่ำ 40 หรืออาการรถสั่นที่ความเร็วสูง 120 รวมถึงอาการรถสั่นเวลาจอดรถ อาจหมายถึง เครื่องยนต์ของรถมีการทำงานผิดปกติ ซึ่งอาการสั่นเหล่านี้ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งอาการรถสั่นกระตุกขณะขับบนท้องถนน หรือรถสั่นเวลาจอด สามารถบ่งบอกได้ด้วยว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
รถสั่นเมื่อหยุดรถ
หากรถมีอาการสั่นทุกครั้งเวลาจอด หรือรถสั่นกระตุกตอนกำลังจะหยุดรถ จนรู้สึกถึงแรงสะเทือน และแรงสั่นอยู่ตลอดเวลา อาจหมายความว่า เครื่องยนต์ และตัวยึดช่วงล่างของรถหลวม หรืออาจมีปัญหา ทำให้เครื่องยนต์มีอาการสั่นตลอดเวลา ซึ่งคนที่ขับรถเป็นประจำจะจับความรู้สึกได้ จากการจับพวงมาลัย แล้วรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นผิดปกติ หรือตอนที่กำลังจะจอดรถแล้วเครื่องยนต์ของรถสั่นนั่นเอง
รถสั่นเมื่อแตะเบรกด้วยน้ำหนักมาก
เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง แล้วแตะเบรกด้วยน้ำหนักมาก เมื่อล้อใกล้หยุดนิ่ง จนทำให้รถมีอาการสั่นกระตุกตามมา อาจบอกถึงปัญหาของจานเบรกที่เสื่อมสภาพ หรือน้ำมันเบรกไม่เพียงพอ โดยความรู้สึกของคนที่ขับรถ จะสังเกต หรือรู้อาการได้จากการที่รถสั่นกระตุกขณะที่เท้ากำลังเหยียบเบรกนั่นเอง
รถสั่นเมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง
ขณะที่กำลังขับรถ แล้วค่อย ๆ เร่งความเร็วของรถสูงขึ้น จนรถสั่นสะเทือนขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง 80 ขึ้นไป อาการนี้อาจบอกได้ว่า ล้อ หรือยางรถยนต์ไม่มีความสมดุล หรืออยู่ไม่ตรงตำแหน่ง ซึ่งผู้ขับจะสังเกต และจับจุดได้จากการที่เร่งความเร็วสูง 80-120 ขึ้นไป แล้วรถมีอาการสั่นกระตุก หรือพวงมาลัยสั่นอย่างเห็นได้ชัด
รถสั่นเมื่อเลี้ยวรถ
อาการรถ และพวงมาลัยสั่นกระตุกขณะที่กำลังเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา กลับรถ หรือการเข้าโค้ง จนทำให้ในบางครั้งควบคุมรถยาก โดยสาเหตุจะคล้ายกับอาการรถสั่นเมื่อขับด้วยความเร็ว นั่นคือตำแหน่งล้อ หรือยางมีน้ำหนักไม่เท่ากัน ทำให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งรับน้ำหนักมากเกินไป จนรถสั่นสะเทือน หรือกระตุกเวลาขับขี่ได้ ผู้ขับจะจับความรู้สึกได้ขณะที่หมุนพวงมาลัยตอนเลี้ยว และรู้สึกว่าพวงมาลัยมีอาการสั่นกว่าปกติ
รถสั่นกินซ้าย หรือกินขวา
อาการรถสั่นไหวขณะขับขี่ จนกินเลนซ้าย หรือกินเลนขวา ทำให้การควบคุมรถยากกว่าเดิม หรือบางทีขับ ๆ อยู่ แล้วรถสั่นกระตุกจนรู้สึกได้ อาจเกิดจากแรงดันลมยางซ้าย-ขวา และแรงดันลมล้อหน้า-ล้อหลังไม่เท่ากัน หรือศูนย์ถ่วงล้อไม่ตรง ซึ่งอาการเหล่านี้ ผู้ขับขี่จะรู้สึก และสังเกตได้ง่ายมาก ๆ จากการที่พวงมาลัยสั่น หรือพวงมาลัยเอียงซ้าย และเอียงขวาจนเห็นได้อย่างชัดเจน
อาการรถสั่น เกิดจากอะไร
อาการรถสั่นเวลาจอดรถติดไฟแดง อาการรถสั่นเวลาออกตัว หรือรถสั่นกระตุกเวลาเร่งเครื่องยนต์ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อการขับขี่บนท้องถนน เพราะปัญหาของเครื่องยนต์ หรือรถที่ทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ โดยอาการรถสั่นเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้
ช่วงล่างรถพัง
สาเหตุแรกที่ทำให้รถมีอาการสั่นกระตุกขณะขับ หรือรถสั่นเวลาจอด ก็คือการที่ช่วงล่างของรถมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ถ่วงล้อไม่สมดุล ผ้าเบรกสึกหรอ ลูกหมากเสื่อมสภาพ และช่วงล่างอื่น ๆ ที่เกิดปัญหาก็ล้วนส่งผลต่อการสั่นทั้งคันของรถยนต์
โช้คอัพเสีย
โช้คอัพเป็นชิ้นส่วนที่ช่วยรองรับแรงสั่นสะเทือน และแรงกระแทกขณะขับขี่ ทั้งบนพื้นถนนทั่วไป บนทางไม่เรียบ หรือถนนขรุขระ แต่การขับรถทางขรุขระมากเกินไป หรือรถตกหลุมกะทันหัน ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้โช้คอัพเสื่อมสภาพ หรือโช้คอัพเสียได้ และทำให้รถเกิดอาการสั่นกระตุกขณะขับขี่ตลอดเวลา
ยางเสื่อมสภาพ
ถึงแม้ว่ายางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานตามที่กำหนด แต่ปัญหายางรถเสื่อมสภาพก็เกิดขึ้นได้ก่อนกำหนด เช่น ยางแบนผิดปกติ ยางบิดเบี้ยวผิดรูป หรือแรงดันลมอ่อน และแข็งเกินไปก็อาจส่งผลให้รถสั่นกระตุกเวลาขับรถได้เช่นกัน
เครื่องยนต์มีปัญหา
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุของอาการรถสั่นเวลาจอดรถ รถสั่นกระตุกทั้งคัน หรือพวงมาลัยสั่นกระตุก เวลาขับรถ คือการที่เครื่องยนต์มีปัญหา ปัญหานี้เกิดได้ทั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นเก่า แต่จะเกิดขึ้นบ่อยในเครื่องยนต์รุ่นเก่าที่ไม่ได้รับการดูแล หรือเครื่องยนต์ 4 สูบที่ทำงานได้ไม่เต็มสูบ ก็ทำให้เกิดปัญหาอาการสั่น ของรถยนต์เวลาสตาร์ต หรือเวลาขับขี่ได้
เกียร์มีปัญหา
และสาเหตุสุดท้ายของอาการรถสั่นกระตุก คือการที่เกียร์มีปัญหา ซึ่งมักเกิดได้กับรถยนต์เกียร์ออโต้ ถ้าหากกำลังเปลี่ยนเกียร์แล้วพบว่ารถมีอาการสั่น หรือรถมีอาการกระตุก ก็ต้องรีบนำรถยนต์ไปตรวจเช็กสภาพโดยเร็วถึงจะดีที่สุด
สามารถแก้ไขปัญหารถสั่นได้อย่างไรบ้าง?
หากกำลังขับรถบนท้องถนน แล้วเจอปัญหารถสั่นกระตุกจนทำให้เสียสมาธิในการขับรถ หรือการที่จอดรถติดไฟแดงอยู่เฉย ๆ แต่ก็ยังเจออาการรถสั่นเวลาจอดตลอดเวลา จนทำให้รู้สึกรำคาญใจ หากเจออาการแบบนี้บ่อย ๆ และปล่อยไว้นานจนไม่ดูแล คงไม่ดีต่อรถ และเครื่องยนต์ ซึ่งหากใครกำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ ก็สามารถแก้ปัญหารถสั่นได้ ดังนี้
เปลี่ยนจานเบรกใหม่
หากเจออาการรถสั่นเวลาเบรกเพื่อจอดรถ อาจแก้ไขด้วยการส่งจานเบรกไปเจียระไนหน้าจานเบรกก่อน แต่ถ้าหากเจียระไนแล้วไม่ดีขึ้น หรือเจียระไนออกมาแล้วจานเบรกบางมากเกินไป ก็แนะนำว่าควรเปลี่ยนจานเบรกใหม่ เพื่อให้จานเบรกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยขณะขับขี่ด้วย
ถ่วงล้อให้สมดุล
ขณะที่กำลังขับรถ แล้วเจออาการพวงมาลัยรถสั่นที่ความเร็วสูงอย่าง 80-120 ขึ้นไป หรืออาการพวงมาลัยรถสั่นที่ความเร็วต่ำอย่าง 40 อาจเกิดจากการถ่วงล้อไม่สมดุล แนวทางแก้ปัญหาคือการนำรถไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่กับศูนย์ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่มีเครื่องมือตั้งถ่วงล้อโดยตรง ซึ่งหากล้อตรง และมีความสมดุลก็จะทำให้ขับรถได้ง่าย และปลอดภัยมากขึ้น
ใส่ปลอกกันสั่น
ปัญหาของรถสั่นกระตุก อาจเกิดได้จากการเปลี่ยนล้อมาใหม่ และทำให้ดุมของล้อรถไม่เท่ากัน จนรถเกิดอาการสั่น ซึ่งแก้ปัญหาได้โดยการใส่ปลอกกันสั่น หรือ Hub Ring ที่นอกจากช่วยลดอาการสั่นกระตุกเวลาขับรถ ก็ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง และระบบช่วงล่างให้ใช้งานได้นานขึ้นด้วย
เปลี่ยนยางใหม่
อย่างที่บอกว่า ยางรถยนต์แต่ละเส้นก็มีกำหนดอายุในการใช้งานอยู่ เมื่อครบกำหนดก็ควรเปลี่ยน หรือหากพบว่ายางมีลักษณะผิดปกติ รูปร่างผิดแปลก ก็ควรรีบเปลี่ยนยางใหม่เลยจะดีที่สุด เพราะหากล้ออยู่ในสภาพดี อาการรถสั่น และรถกระตุกขณะขับรถก็จะหายไป การขับรถก็จะง่ายขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องอุบัติเหตุอีกด้วย
ตรวจเช็กช่วงล่าง
หากพบว่ารถมีอาการสั่นกระตุกขณะขับ หรือรถมีอาการสั่นเวลาจอดติดเครื่องยนต์ไว้เฉย ๆ ซึ่งดูภายนอกแล้วไม่พบอาการผิดปกติ ก็อาจเกิดจากที่ช่วงล่างมีปัญหา หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ หลวม เช่น เพลาขับ ลูกหมาก โช้คหน้า-หลัง และอื่น ๆ จึงควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญจัดการ เพื่อทำให้ชิ้นส่วนกลับมาแน่นหนา ซึ่งต่อมาอาการรถสั่นต่าง ๆ ก็จะหมดไปเช่นกัน
เปลี่ยนลูกปืนล้อใหม่
ลูกปืนล้อ เป็นตัวช่วยสำคัญในการหมุนของล้อ พร้อมทั้งรองรับน้ำหนักจุดหมุนของล้อ ซึ่งหากการเสียดสีลูกปืนล้อมีปัญหา อาจทำให้รถ หรือพวงมาลัยสั่นกระตุกได้ โดยวิธีการแก้ไขนั้น อาจจะลองใส่จาระบีดูก่อน เพื่อให้ลูกปืนมีการหล่อลื่น หรือตรวจเช็กก่อนว่าลูกปืนล้อหลวมหรือไม่ จากนั้นค่อยไขให้แน่น แต่ถ้าลูกปืนล้อแตกก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่
แก้ไขหรือเปลี่ยนล้อแม็กใหม่
ล้อแม็กผิดรูปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้รถสั่นกระตุกตลอดเวลาในการขับรถได้เช่นกัน ซึ่งหากมีปัญหาล้อแม็กผิดรูป ก็สามารถรับการแก้ไขได้โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนล้อแม็กที่สูงเกินไป แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็อาจจะต้องทำการเปลี่ยนล้อแทน
ปรับเพลาขับให้สมดุล
เพลาขับเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อน โดยจะรับกำลังจากชุดเกียร์มาใช้ในการขับเคลื่อน และเพลาขับสามารถยืดหยุ่นได้ ไม่ว่าจะยืด-หด หรือยุบขึ้น-ยุบลงตามจังหวะของล้อ หากเกิดอาการเพลาขับคด ก็ทำให้รถมีอาการสั่นกระตุกเวลาขับรถได้ ทั้งนี้ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยการนำรถเข้าศูนย์ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ หรืออาจจะทำการเปลี่ยนเป็นของใหม่แทน
สรุป
ปัญหารถสั่นนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากจานเบรก ช่วงล่าง ยาง หรือส่วนอื่น ๆ ของรถ ที่สามารถส่งผลให้เกิดอาการรถสั่น และรถสะเทือนได้ ถ้าหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดอันตรายในขณะขับขี่ได้ ดังนั้น จึงควรตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ และคอยสังเกตอาการของรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของคุณ และเพื่อนร่วมทาง
หากใครที่กำลังเจอปัญหารถสั่นเวลาจอด หรือรถสั่นกระตุก และสั่นสะเทือนเวลาขับรถที่ความเร็วต่ำ และความเร็วสูง โดยมีสาเหตุมาจากยางที่เสื่อมสภาพ ยางที่ไม่ได้มาตรฐาน หรืออายุการใช้งานของยางที่กำลังจะหมด และกำลังต้องการจะเปลี่ยนยางเส้นใหม่ที่มีมาตรฐาน เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน ที่ AUTOBACS ก็มียางรถหลายประเภท หลายขนาด คุณภาพมาตรฐาน และตอบโจทย์ทุกการใช้งาน