Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

4 ประเภทยางรถยนต์เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์


Post Date: 24 Jul 2024

Share to

4 ประเภทยางรถยนต์ที่เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ ที่ไม่ต้องรอดอกยางหมด

ประเภทยางรถยนต์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีอยู่ทั้งหมด 5 ประเภท สามารถเปลี่ยนเองได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่จำเป็นต้องใช้ล้อเดิมที่มากับรถก็ได้ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าควรเปลี่ยนยางรถเมื่อไร อาการแบบไหนที่ควรเปลี่ยน มาเช็กไปพร้อมกันในบทความนี้


Key takeaway

  • ยางรถยนต์ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ เพราะต้องรองรับน้ำหนักรถ น้ำหนักบรรทุก จึงควรหมั่นดูแลรักษา ตรวจเช็กสภาพยางให้ดีอยู่เสมอ เลือกใช้ยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน

  • ยางรถยนต์มี 4 ประเภท คือ ยางประหยัดน้ำมัน ยางนุ่มเงียบ ยางสปอร์ต และยางกระบะบรรทุก

  • ดอกยางมีแบบสมมาตร อสมมาตร และแบบทิศทางเดียว

  • ควรเช็กอาการของยางก่อนดอกยางหมด เพื่อความปลอดภัยตอนขับขี่ รวมถึงควรใช้ยางรถยนต์ให้ถูกประเภท และไม่ควรขับขี่รถยนต์บนถนนขรุขระ


ความสำคัญของยางรถยนต์ที่ต้องใส่ใจ

ยางรถยนต์ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ เพราะต้องรองรับน้ำหนักรถ น้ำหนักบรรทุก และขับเคลื่อนเพื่อพาคุณไปถึงที่หมาย อีกทั้งยังมีประโยชน์ และคุณสมบัติอื่นๆ อีก เช่น ลมในของยางรถ จะช่วยลดแรงกระแทก และการสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ไม่ว่าหมุนพวงมาลัยไปทิศทางไหน ยางล้อหน้าของรถยนต์ ก็จะหมุนตามไปด้วย และประโยชน์ของยางรถยนต์ สามารถทำให้รถเคลื่อนที่ หรือหยุดชะลอได้

เพราะยางรถยนต์ คือส่วนหนึ่งที่ทำให้รถเคลื่อนที่ไปยังที่หมายอย่างปลอดภัย ดังนั้น จึงควรหมั่นดูแลรักษา ตรวจเช็กสภาพยางให้ดีอยู่เสมอ เลือกใช้ยางให้เหมาะสม และควรใส่ใจว่ายางรถมีกี่ประเภท เหมาะกับใช้งานแบบไหนบ้าง เพื่อเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน

การเลือกยางรถยนต์ทั้ง 4 ประเภท

ประเภทของยางรถยนต์ มีด้วยกัน 5 ประเภท โดยการเลือกยางรถยนต์ ผู้ขับขี่ก็ควรเลือกตามการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เลือกตามลักษณะการขับขี่ เลือกให้เหมาะกับประเภทของรถ เพื่อให้ได้ยางที่เหมาะสมไปใช้งาน

1. ยางประหยัดน้ำมัน

ยางที่มีความสมดุล ไม่แข็งกระด้าง หรือนุ่มจนเกินไป เสียงยางไม่ดังเท่ายางสปอร์ต รูปแบบดอกยางละเอียด โดยยางประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านการหมุนซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ต้องใช้พลังงานมากขึ้น จึงทำให้ประหยัดน้ำมันและช่วยให้รถยนต์วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะกับ Eco Car ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป อย่างเช่น การขับขี่ด้วยความเร็วปกติ ที่ไม่ต้องใช้แรงในการออกตัวเยอะ หรือคนที่ใช้รถเป็นประจำทุกวัน ที่สำคัญ ประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารุ่นอื่น หากเป็นการใช้งานทั่วไปก็มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีไม่แพ้ยางรุ่นอื่นๆ

ตัวอย่างยี่ห้อยางรถยนต์

  • Bridgestone

  • Michelin

  • Dunlop

  • Apollo

  • Firestone

  • Goodyear

  • Otani

ตัวอย่างยี่ห้อรถยนต์ที่เหมาะกับยาง

  • Honda HR-V

  • Honda CR-V 

  • Honda City Hatchback

  • Toyota Yaris, Yaris ATIV

  • Toyota Corolla Cross

  • Mazda 2

  • Nissan Almera

  • Suzuki Swift

  • Mitsubishi Attrage

2. ยางนุ่มเงียบ

ยางนุ่มเงียบถูกออกแบบมาให้มีลายดอกยางละเอียด เพื่อช่วยให้การขับขี่มีความนุ่มนวลและเงียบสงบมากขึ้น ลดแรงสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจากนี้ยางนุ่มเงียบช่วยเพิ่มสมาธิกับผู้ขับขี่ส่งผลให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น เหมาะกับรถเก๋งขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ที่ใช้งานขับขี่ทั่วไป เช่น การขับในเมือง ที่ไม่ต้องการความเร็วสูง


จึงเป็นประเภทยางรถยนต์ ที่ให้ความนุ่มนวลขณะขับขี่ เสียงห้องโดยสารเงียบ และนั่งสบายมากกว่าปกติ

ตัวอย่างยี่ห้อยางรถยนต์

  • Bridgestone

  • Michelin

  • Yokohama

  • Deestone

  • Dunlop

  • Continential

  • Goodyear

  • Maxxis

  • Toyo Tires

ตัวอย่างยี่ห้อรถยนต์ที่เหมาะกับยาง

  • BMW Series 5

  • BMW  X5

  • Audi A4

  • Mercedes-Benz Benz A Class,  C Class และ E Class

  • Lexus ES 300h

  • Honda Accord

  • Honda Civic

  • Honda City

  • Toyota Altis

  • Toyota Camry

3. ยางสปอร์ต

ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย ลายดอกยางเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างกันในแต่ละรุ่น ถูกออกแบบมาทนทานต่อการใช้งานหนักและความร้อนสูง เพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่ที่ต้องการความเร็วและการควบคุมที่แม่นยำ  มีการออกแบบดอกยางและโครงสร้างที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนทั้งในสภาพถนนแห้งและเปียก ทำให้รถสามารถขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติในการเบรกที่ดีเยี่ยม ทำให้สามารถหยุดรถได้ในระยะเวลาที่สั้นลงปลอดภัย ซึ่งยางรถสปอร์ต เหมาะกับรถยนต์สมรรถนะสูง อย่างรถสปอร์ต รถซูเปอร์คาร์ หรือรถยนต์ที่ปรับแต่งความเร็ว ก็สามารถใช้ยางประเภทนี้ได้เช่นกัน เหมาะกับการใช้งาน เช่น การขับรถความเร็วสูงบนพื้นเรียบ หรือการแข่งขันกีฬา

ถึงจะขับด้วยความเร็วสูง แต่ยังคงได้ความนิ่ง และสมรรถนะที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเข้าโค้งความเร็วสูง หรือการเบรก ก็ช่วยยึดเกาะถนนได้ดี และตอบสนองการเหยียบคันเร่งได้ทันใจ

ตัวอย่างยี่ห้อยางรถยนต์

  • Bridgestone

  • Yokohama

  • Dunlop

  • Pirelli

  • Continential

  • Goodyear

ตัวอย่างยี่ห้อรถยนต์ที่เหมาะกับยาง

  • Aston Martin DB12

  • Ferrari 296 GTB

  • BMW 320d M Sport

  • BMW M4 Coupe

  • Mercedes AMG GT R

  • Subaru BRZ

  • Honda Civic Type R

  • Toyota Altis, Camry

  • Honda Jazz

4. ยางกระบะบรรทุก

มีหน้ายางกว้าง ร่องดอกยางพิเศษ และแก้มยางสูง ถูกออกแบบมาเพื่อมีโครงสร้างที่แข็งแรงให้รองรับน้ำหนักได้มากและทนทานต่อการใช้งานหนัก ช่วยกระจายน้ำหนักขณะขับขี่ แต่แข็งกระด้างเวลาขับขี่ มีความทนทานต่อการสึกหรอ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน เหมาะกับการใช้งานที่ต้องรับน้ำหนักมากในการขับขี่ อย่างการขับรถขนของ จึงเป็นยางรถที่เหมาะกับรถบรรทุก ไปจนถึงรถ PPV หรือรถโครงกระบะยกสูง และรถ SUV หรือรถโครงกระบะต่ำ เพราะช่วยให้เกาะถนนได้ดีเวลาเข้าโค้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถกระบะเชิงพาณิชย์ที่ต้องบรรทุกของหนักเป็นประจำ ทั้งที่บรรทุกของต่ำกว่า 3 ตันหรือมากกว่า 3 ตัน

โดยประโยชน์ของยางประเภทนี้ คือช่วยยึดเกาะถนนได้อย่างดี ช่วยกระจายแรง ทนทานต่องานบรรทุกหนักเพราะรับน้ำหนักได้ดี ทนทาน แข็งแรง ใช้งานได้กับทุกพื้นถนน ตอบโจทย์ทุกสมรรถนะการขับขี่ ให้ความนุ่มเงียบ ไม่ว่าจะขับในเมืองหรอกนอกเมืองก็สะดวกสบายทุกเส้นทาง

ตัวอย่างยี่ห้อยางรถยนต์

  • Bridgestone

  • Michelin

  • Yokohama

  • Dunlop

  • Deestone

  • Maxxis

  • Otani

ตัวอย่างยี่ห้อรถยนต์ที่เหมาะกับยาง

  • Toyota Hilux Revo

  • Isuzu D-Max

  • Ford Ranger

  • MG Extender

  • Mitsubishi Triton

  • Mazda BT-50

  • Nissan Navara

ทำไมยางรถยนต์จึงแตกต่างกัน

เนื่องจาก วัสดุในการผลิต เนื้อยางที่แตกต่างกัน รูปแบบของดอกยางที่เหมาะกับการใช้งาน ความหนาของขอบยาง ทำให้ยางรถยนต์แต่ละประเภท แตกต่างกัน และคำนึงถึงการใช้งานบนพื้นถนนที่ต่างออกไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ก็ยังมีส่วนประกอบภายใน ที่ทำให้ยางแตกต่างกันอีกด้วย เช่น 

  • Tread Rubber เนื้อยาง

  • Body Ply โครงยางเส้นลวด

  • Steel Belf เข็มรัดหน้ายาง

  • Sidewall Rubber เนื้อยางบริเวณแก้มยาง

  • Chafer ผ้าใบหุ้มขอบลวด

  • Bead Wire ขดลวด

ดอกยางมีกี่ประเภท สำคัญกับยางรถยนต์อย่างไร

ถึงแม้ว่ายางรถยนต์จะดีแค่ไหน การมีดอกยางที่ดีก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะดอกยางก็ส่งผลต่อการขับขี่รูปแบบต่างๆ เช่น การหมุนของล้อขณะเคลื่อนที่ การรีดน้ำออกจากยาง ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน

องค์ประกอบสำคัญของลายดอกยาง มีดังนี้

  • บล็อกดอกยาง: สัมผัสกับพื้นโดยตรง

  • แนวดอกยาง: แนวของบล็อกดอกยาง ที่เรียงตัวไปตามเส้นรอบวงยาง

  • ร่องดอกยางเล็ก: ร่องในบล็อกดอกยาง ช่วยยึดเกาะถนนขณะขับขี่

  • ร่องดอกยางละเอียด: ช่องที่มีลวดลายอยู่ตามดอกยาง เพื่อช่วยรีดน้ำออกจากตัวยาง

  • ร่องยาง: อยู่ระหว่างแนวดอกยาง

และหากใครกำลังสงสัยว่า ดอกยางรถยนต์มีกี่แบบ มีลักษณะเป็นแบบไหน เหมาะกับการใช้งานประเภทใด ซึ่งดอกยางรถยนต์ ก็มีด้วยกันทั้งหมด 3 ลาย ดังนี้

ดอกยางแบบสมมาตร

ดอกยางแบบสมมาตร ลายดอกยางที่พบเห็นได้ทั่วไป ลักษณะดอกยางครึ่งในกับครึ่งนอกที่สมมาตรกัน มีจุดเด่น คือสลับล้อใส่ได้หลายทาง ทั้งล้อหน้าไปล้อหลัง ล้อหลังไปล้อหน้า หรือสลับแบบไขว้ ซึ่งการสลับล้อแบบนี้ ไม่ว่าจะสลับล้อไปทิศไหน ก็ไม่มีผลต่อการขับขี่

ดอกยางแบบอสมมาตร

ดอกยางแบบอสมมาตร มีลายดอกยางด้านในและด้านนอกไม่เหมือนกัน วัตถุประสงค์ของลายที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเวลาเข้าโค้ง การขับรถด้วยความเร็วสูง และการรีดน้ำ ขณะขับขี่บนพื้นเปียก

ดอกยางแบบทิศทางเดียว

ดอกยางแบบทิศทางเดียว ลายเป็นรูปตัว V และลายเรียงตัวไปทิศทางเดียวกันเสมอ ที่แก้มยางจะมีสัญลักษณ์ลูกศร แสดงทิศทางการหมุน เพื่อให้ใส่ยางได้ถูกต้อง จุดเด่นของลาย คือช่วยรีดน้ำออกจากดอกยาง และช่วยลดอาการเหินน้ำ ขณะขับขี่บนพื้นเปียก

ไม่ต้องรอให้ดอกยางหมด เช็กอาการของยางหมดอายุ

เมื่อรู้แล้วว่ายางรถยนต์ และดอกรถยนต์ มีกี่ประเภทอะไรบ้างแล้ว ต่อมาเป็นอายุการใช้งาน โดยทั่วไปยางมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน) และใช้งานสูงสุดไม่เกิน 40,000-50,000 กิโลเมตร แต่ความเป็นจริงอายุการใช้งานของยางรถยนต์ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย หากมือใหม่ ที่ไม่รู้ว่ายางรถยนต์ของตัวเองใกล้หมดอายุ และถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนหรือยัง ก็มีวิธีเช็กอาการของยางหมดอายุ มาให้เช็กง่ายๆ ดังนี้

ดอกยาง

เริ่มต้นที่สังเกตสะพานยาง (Tread Wear Indicators) ซึ่งสะพานยางจะอยู่ในร่องตรงกลางยาง หากดอกยางเริ่มสึก จนอยู่ในระดับเดียวกับสะพานยางเมื่อไรก็ถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนยาง

ความสึกหรอ หรือบาดแผล

ไม่ว่าจะเป็นรอยฉีก รอยแตกร้าว หรือยางมีรอยปูด รอยบวมหรือไม่ หากยางเริ่มแตกต่างไปจากเดิมก็ไม่แนะนำให้ซ่อมหรือใช้งาน เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ควรรีบเปลี่ยนยางทันที จึงจะปลอดภัยต่อการขับขี่มากที่สุด

ความผิดปกติเมื่อขับรถยนต์

เช่น หากมีอาการขับแล้วแข็งเด้งไม่เกาะถนน ขับแล้วลอยๆ เข้าโค้งแล้วมีอาการพวงมาลัยปัดๆ หรือ ฝนตกขับแล้วลื่นๆ ลงแอ่งแล้วคุมรถไม่ค่อยได้ เบรกแล้วไหล คุมไม่อยู่ abs ทำงานบ่อย อาจเกิดจากรูปร่างยาง หรือโครงสร้างยางผิดปกติ ดอกยางอาจสึก เนื้อยางอาจเสื่อมสภาพ หากเจออาการแบบนี้บ่อยๆ หมายความว่า อายุของยางรถยนต์ก็เสื่อมสภาพแล้วเช่นกัน 

หากใช้ยางรถยนต์ผิดประเภทจะส่งผลอย่างไร

หากใช้ยางรถยนต์ผิดประเภท จะส่งผลเสียต่อสมรรถนะเครื่องยนต์ การควบคุมในการขับขี่ อย่างการออกตัว การเบรก การหมุนพวงมาลัย การเลี้ยว การเข้าโค้ง รวมถึงการยึดเกาะถนน ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญ ส่งผลต่อ TPMS (ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง) ทำให้อ่านค่าแรงดันลมยางผิด หรือคลาดเคลื่อน ทำให้ล้อ รับน้ำหนักมากเกินไป ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน

ใช้รถยนต์แบบไหนที่ทำให้ยางรถสึกเร็ว

เพราะยางรถยนต์ คือสิ่งขับเคลื่อนที่พาให้เราไปถึงจุดหมาย ดังนั้นเวลาขับขี่จึงควรใส่ใจดูแล และเลือกประเภทยางรถยนต์ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อไม่ให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด ซึ่งหากไม่อยากเปลี่ยนยางรถยนต์บ่อยๆ ก็ไม่ควรทำสิ่งเหล่านี้โดยเด็ดขาด

  • ขับรถด้วยความเร็วสูง การออกตัวด้วยความเร็ว และการเบรกกะทันหัน จะทำให้หน้ายาง เสียดสีกับพื้นถนนมากเกินไป ส่งผลให้ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ

  • การขับบนทางขรุขระ เช่น ทางหิน ดิน ทราย หากเลือกยางที่ไม่เหมาะกับพื้นผิว จะทำให้หน้ายางสึก และเสื่อมสภาพได้ง่าย

  • บรรทุกของเกินกำลัง รถที่บรรทุกของหนัก จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากเกินไป จนเกิดการเสียดสี หน้ายางสึก ดอกยางเสื่อม

  • การเติมแรงดันที่ไม่เหมาะสม หากเติมลมยางแข็งเกินไป ทำให้ล้อแข็งกระด้าง และดอกยางสึกบริเวณตรงกลางของยางได้ง่าย หรือหากเติมลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้ขอบยางด้านนอกต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ

วิธีดูแลยางรถยนต์ให้คงสภาพดี ใช้งานได้งานขึ้น

ยางรถยนต์ เป็นสิ่งที่สัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา วิธีง่ายๆ ในการดูแลยางจึงควรหลีกเลี่ยงถนนขรุขระ พื้นผิวขรุขระ เพราะถนนหรือพื้นผิวแบบนี้จะทำให้หน้ายาง และดอกยางเสื่อมเร็ว ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงถนนขรุขระ ถนนที่เป็นบ่อ เพื่อถนอมตัวยางให้ยังสภาพดี และยืดอายุการใช้งาน

สรุป

สรุปแล้ว ยางรถยนต์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีกี่แบบ ตอบได้ว่า มีทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ ยางสปอร์ต ยางประหยัดน้ำมัน ยางนุ่มเงียบ ยางกระบะบรรทุก และยางออฟโรด AT ซึ่งประเภทของยางรถยนต์แต่ละแบบที่แตกต่างกัน ก็เพื่อจุดประสงค์การใช้งาน ความต้องการ และสไตล์การขับขี่ของแต่ละคน

ควรใช้งานยางให้ถูกวิธี เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เพราะจะทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ การขับขี่ การควบคุมรถ มีประสิทธิภาพ และควรให้ความสำคัญ เรื่องยาง หากดอกยางเริ่มเสื่อมสภาพ มีรอยแตก รอยฉีก ยางไม่เกาะถนน เข้าโค้งแล้วรถยวบ หรือรถโยน ก็ควรรีบเปลี่ยนยาง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ดอกยางหมด

สำหรับใครที่สนใจเปลี่ยนยางรถยนต์ ให้กับรถคู่ใจ ที่ Autobacs ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ก็มีทีมงานมืออาชีพ พร้อมให้คำแนะนำ ในการเลือกยางรถยนต์ ให้เหมาะกับการใช้งานที่รถของคุณ ทั้งเป็นศูนย์บริการ มาตรฐานเดียวกับญี่ปุ่น ทำให้คุณมั่นใจในเรื่องของคุณภาพและการบริการ

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsOTHER BLOGS

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top