
เปรียบเทียบ ดรัมเบรก VS ดิสเบรก แบบไหนดีกว่ากัน
Post Date: 9 Aug 2024
เปรียบเทียบระบบเบรก ดรัมเบรก VS ดิสเบรก แบบไหนดีกว่ากัน?
ระบบเบรกคือหัวใจสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของรถยนต์ ซึ่งระบบเบรกรถยนต์แต่ละแบบมีความแตกต่างกันในแง่ของการใช้งาน และความเหมาะสมกับรถยนต์ แล้วระบบเบรกมีความสำคัญอย่างไร ระบบเบรกแบบดรัมเบรก และดิสเบรกรถยนต์ ระบบเบรกทั้งสองแบบนี้ แตกต่างกันอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ!
ระบบเบรก คืออะไร?
ระบบเบรกเป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อลดความเร็ว หรือหยุดการเคลื่อนที่ของยานพาหนะ โดยทั่วไป ระบบเบรกจะเกี่ยวข้องกับส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น ผ้าเบรก จานเบรก หรือดรัมเบรก คาลิเปอร์เบรก สายเบรก และแป้นเบรก เมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรก แรงดันไฮดรอลิกจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ผ้าเบรกกดกับจานเบรก หรือดรัมเบรก ทำให้เกิดแรงเสียดทาน และทำให้รถช้าลงนั่นเอง
ระบบเบรก สำคัญอย่างไร
ระบบเบรกมีความสำคัญต่อความปลอดภัย และการควบคุมยานพาหนะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลดความเร็ว หรือหยุดรถได้เมื่อจำเป็น ระบบเบรกที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีส่วนช่วยในประสิทธิภาพโดยรวมของยานพาหนะ ระบบเบรกที่ทำงานอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดการสึกหรอของส่วนประกอบอื่น ๆ ของยานพาหนะได้ เช่น ยาง และระบบกันสะเทือน เป็นต้น
ระบบเบรก มีกี่ประเภท
ก่อนหน้านี้จะมีชุดเบรกที่เป็นดรัมเบรกเพียงอย่างเดียว ต่อมาเทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกล ทำให้เกิดระบบดิสเบรกขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดรัมเบรกเป็นระบบที่ไม่ดี และหายไปเลย เพราะทั้งสองแบบเหมาะกับการใช้งานคนละแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ดรัมเบรก (Drum Brake)
ดรัมเบรกเป็นระบบเบรกยุคแรก ๆ ที่มีลักษณะเป็นผ้าเบรกโค้งสองอัน ได้แก่ ฝักนำ และฝักตาม โดยเวลาทำงาน ฝักทั้งสองอันจะถูกแม่ปั๊มดันให้ไปยึดติดกับฝาครอบเบรก ซึ่งจะถูกดันต่อไปให้ติดกับล้อรถ ทำให้รถค่อย ๆ ลดความเร็ว และหยุดตัวลงในที่สุด
ข้อดี
หยุดรถได้เร็ว เพราะดรัมเบรก และก้ามเบรกยึดติดกับดุมล้อ
มีกำลังในการหยุดรถได้สูง
ไม่ต้องใช้แรงเหยียบมาก
ไม่ต้องดูแลรักษาบ่อย เพราะมีระบบปิดมิดชิด
ข้อจำกัด
มีความร้อนสะสมสูง ถ่ายเทความร้อนได้ไม่ค่อยดี จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกน้อยลง
มีการระบายน้ำได้ไม่ค่อยดี
ตอบสนองค่อนข้างช้า จึงไม่ค่อยมีความแม่นยำ
ดูแลรักษาค่อนข้างยาก
เหมาะกับรถแบบไหน
ดรัมเบรกเหมาะกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก โดยยังมีให้เห็นในรถเก๋ง และรถกระบะบางรุ่น รวมถึงรถรุ่นใหม่บางรุ่นก็ยังมีการติดตั้งดรัมเบรกที่ล้อหลังอยู่
2. ดิสเบรก (Disc Brake)
ดิสเบรกคือระบบเบรกสมัยใหม่ที่มีการพัฒนามาจากดรัมเบรก โดยเมื่อมีการเหยียบเบรกแม่ปั๊มจะดันให้ผ้าเบรกไปหนีบกับจานเบรก ทำให้รถค่อย ๆ ชะลอความเร็ว และหยุดตัวลงในที่สุด โดยส่วนใหญ่ดิสเบรกจะมีการติดตั้งที่ 2 ล้อหน้า แต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูงจะมีการติดตั้งทั้ง 4 ล้อเลย
ข้อดี
ตอบสนองได้รวดเร็ว จึงมีความแม่นยำสูง
ถ่ายเทความร้อนได้ดี จึงมีความร้อนสะสมที่น้อยกว่า
ระบายน้ำได้ดีกว่าดรัมเบรก
สามารถตรวจเช็ก ดูแล ทำความสะอาด และบำรุงรักษาได้ง่ายกว่า
ข้อจำกัด
กำลังในการเบรกน้อยกว่าดรัมเบรก ผู้ขับขี่จึงต้องออกแรงในการเบรกมากกว่า
ผ้าเบรกหมดเร็ว จึงต้องเปลี่ยนผ้าเบรกบ่อย
มีค่าใช้จ่ายในการดูแล บำรุงรักษาสูงกว่า
ดิสเบรกมีราคาที่สูงกว่าดรัมเบรก
เหมาะกับรถแบบไหน
ดิสเบรกเหมาะกับการใช้งานในรถเก๋ง และรถกระบะ โดยเฉพาะรถที่มีความเร็วสูง อาจมีการติดตั้งดิสเบรกไว้ทั้ง 4 ล้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก ช่วยให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น และยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้นด้วย
เปลี่ยนดรัมเบรก เป็นดิสเบรก ดีกว่าอย่างไร?
การเปลี่ยนดรัมเบรกเป็นดิสเบรกมีข้อดีหลายประการ ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถ เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ทำให้ไม่ต้องซ่อมบำรุงบ่อย และยังมีข้อดีอื่น ๆ อีก ดังนี้
1. แรงเบรกที่ดีกว่า
ดิสเบรกกระจายความร้อนได้ดีกว่าดรัมเบรก ดังนั้น จึงสามารถหยุดรถได้เร็วขึ้น ผ้าเบรกบนดิสเบรกนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีแรงเสียดทานมากกว่าผ้าเบรกในดรัมเบรก รวมทั้งดิสเบรกจะแห้งเร็วกว่าในสภาพอากาศที่เปียกชื้น ปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ดิสเบรกมีกำลังมากกว่าดรัมเบรกในแง่ของกำลังในการหยุด
2. ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ
ดรัมเบรกจะใช้เวลาสักพักในการทำความร้อน และมักจะเกิดความร้อนมากเกินไปหากใช้งานมาก ซึ่งหมายความว่า ดรัมเบรกจะมีพลังในการหยุดรถน้อยลงเมื่อเย็น หรือร้อนเกินไป แต่สำหรับดิสเบรกนั้น หากมีความร้อนเพิ่มขึ้น จะสามารถเย็นลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีความสม่ำเสมอในการหยุดรถที่แม่นยำมากกว่าดรัมเบรกนั่นเอง
3. ไม่ต้องซ่อมบำรุงบ่อย
คุณสามารถตรวจสอบดิสเบรกได้โดยไม่ต้องถอดล้อออกมา ซึ่งต่างจากดรัมเบรก ดังนั้น ดิสเบรกจึงไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาบ่อยนัก ส่วนดรัมเบรกมีชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยน และบำรุงรักษาได้ยาก ชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ภายในถังซัก จึงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจเช็ก นอกจากนี้ ดรัมเบรกมักจะกักเก็บฝุ่นไว้มาก ส่วนดิสเบรกนั้นมีดีไซน์ที่เรียบง่าย ทำให้การบำรุงรักษาเป็นเรื่องสะดวกมากขึ้น
4. เข้ากับเครื่องยนต์ได้ดีกว่า
การเปลี่ยนดรัมเบรกเป็นดิสเบรกทำให้เพิ่มกำลังในการหยุดให้กับรถอย่างมาก ทั้งยังช่วยกระจายความร้อน และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมให้ดีขึ้น ดิสเบรกช่วยให้เบรกได้อย่างแม่นยำ และสม่ำเสมอ ช่วยให้การบำรุงรักษาง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับยานพาหนะ และสามารถลดพลังงานในการใช้เชื้อเพลิง เนื่องจากแรงต้านที่ลดลงนั่นเอง
5. การออกแบบที่สวยกว่า
นอกจากการออกแบบที่ทันสมัยแล้ว ดิสเบรกยังดูสะอาดกว่าดรัมเบรกอีกด้วย โดยสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้ในรถยนต์ที่มีชุดล้อขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ดิสเบรกยังสามารถโชว์ผ่านล้อ และทำให้รูปลักษณ์ของรถดูสวยงามขึ้น คาลิเปอร์ที่ทาสีแล้วยังเปิดโอกาสให้สามารถแต่งเติมสีสันให้กับล้อรถยนต์อีกด้วย
เปลี่ยนดรัมเบรก เป็นดิสเบรก ทำได้อย่างไร
การเปลี่ยนดรัมเบรกเป็นดิสเบรกสามารถทำได้โดยช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ซึ่งมีข้อควรระวังคือน้ำมันเบรกมีฤทธิ์กัดกร่อนมาก จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำมันเบรกเข้าใกล้พื้นผิวที่ทาสี นอกจากนี้ ต้องแน่ใจว่าได้บิดข้อต่อทั้งหมดตามการตั้งค่าที่ถูกต้อง แล้วอย่าลืมใช้น้ำยาล็อกเกลียว เพื่อยึดสลักเกลียวด้วย โดยขั้นตอนการเปลี่ยนดรัมเบรกเป็นดิสเบรก มีดังนี้
ยกล้อหน้าขึ้น และใช้แม่แรงค้ำยันรถอย่างแน่นหนา
ถอดระบบดรัมเบรกออก โดยเริ่มจากการถอดนอตยึด สลักผ่า ตลับลูกปืน และแหวนรอง
ถอดดรัมเบรกจริงออก อาจจะต้องใช้ค้อนเพื่อดันดรัมเบรกเดิมให้หลวม
ถอดสายเบรก และคลิปยึดออก
ถอดแผ่นรอง และชิ้นส่วนเบรกภายในออก
ทำความสะอาด แล้วจึงอัดจาระบีที่แกนหมุน
ติดตั้งฉากยึดคาลิปเปอร์เบรก
อัดจาระบี และติดตั้งตลับลูกปืน
วางโรเตอร์ไว้บนแกนหมุน
เพิ่มแบริ่ง นอตยึด สลักผ่า และฝาอัดจาระบี
ติดตั้งคาลิปเปอร์ และติดตั้งสายเบรกบนสลักเกลียวแบนโจ
เชื่อมต่อสายเบรก แทนที่ด้วยสายยาง หรือสเตนเลสตามความจำเป็น
หลังจากติดตั้งดิสเบรกแล้ว ควรไล่ลมสายเบรก ล้างแม่ปั๊มเบรก และใช้น้ำมันใหม่ทั้งหมด
ติดตั้งยาง และขอบล้อ ตรวจสอบการรั่วไหล และการสูญเสียแรงดันเบรก
หากไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนระบบเบรกอย่างไร เข้ามาปรึกษา พร้อมเปลี่ยนระบบเบรกได้ที่ AUTOBACS ที่นี่มีช่างชำนาญการที่คอยให้คำปรึกษาคุณอย่างใกล้ชิด พร้อมเปลี่ยนระบบเบรกอย่างมืออาชีพ และมีคอนเซปต์ Double Check ที่สร้างความมั่นใจในงานซ่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ระบบเบรกที่มีคุณภาพ ทันสมัย มีความปลอดภัยสูง และมาพร้อมกับสมรรถนะ รวมทั้งประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
สรุป
ระบบเบรก เป็นระบบสำคัญสำหรับรถยนต์ที่ใช้ในการหยุดรถ ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยในปัจจุบัน ระบบเบรกมี 2 ระบบด้วยกัน คือระบบดรัมเบรก และระบบดิสเบรก ซึ่งทั้งสองระบบเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน และมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยดรัมเบรกเหมาะกับรถบรรทุกของหนัก ที่ใช้แรงเหยียบไม่มากก็สามารถหยุดรถได้ ส่วนดิสเบรกเหมาะสำหรับรถเก๋ง และรถกระบะที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยเป็นระบบที่ระบายความร้อน และระบายน้ำออกได้ดีอีกด้วย