
รู้จักกับความหมายของเลขยางรถยนต์ พร้อมวิธีอ่าน
Post Date: 8 Aug 2024
Key Takeaway
เลขบนยางรถยนต์ ให้ข้อมูลขนาดยาง ความกว้าง ความสูง ขนาดของยาง วันเดือนปีที่ผลิต ชนิดของยาง น้ำหนักในการบรรทุก และความเร็วที่จำกัด เพื่อให้เจ้าของรถเลือกยางให้เหมาะกับรถยนต์ของตัวเอง และให้มีคุณภาพ ปลอดภัย ใช้งานได้เต็มที่
ยางรถยนต์จะมีตัวเลขกับรหัสบนยางรถยนต์หลายตัว วิธีดูเลขยางรถยนต์ก็ทำได้ไม่ยาก ทั้งตัวเลข และรหัสก็มีความหมายที่แตกต่างกันออกไปด้วย
นอกจากการดูเลขบนยางรถแล้ว ถ้าใครอยากซื้อยางใหม่ ควรเลือกให้เหมาะกับรถด้วย โดยควรพิจารณาจากขนาดของยาง ควรตรวจสอบสภาพของยาง และเลือกยางที่เหมาะกับการขับขี่ เป็นต้น
ยางรถยนต์ทุกเส้นจะมีตัวเลขและรหัสอยู่ ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นเป็นข้อมูลสำคัญของยางรถยนต์แต่ละเส้น มาดูกันว่าความหมายของเลขบนยางรถยนต์แต่ละตัวที่ระบุไว้คืออะไรบ้าง เพื่อให้รู้ความหมายของเลขบนยางรถยนต์ และสามารถพิจารณาเลือกซื้อยางรถยนต์ได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ทำไมจึงควรรู้ความหมายของเลขยางรถยนต์
เลขบนยางรถยนต์มีหลายตัวเลขด้วยกัน ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดยาง ความกว้าง ความสูง ขนาดของยาง วันเดือนปีที่ผลิต ชนิดของยาง น้ำหนักในการบรรทุก และความเร็วที่จำกัด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของรถในการเลือกยางให้เหมาะกับรถยนต์ของตนเอง เลือกยางที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และสามารถใช้งานยางรถยนต์ได้อย่างเต็มสมรรถนะ
วิธีอ่านเลขและรหัสบนยางรถยนต์
วิธีดูเลขยางรถยนต์สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะยางรถยนต์จะมีชุดตัวเลขกับรหัสบนยางรถยนต์หลายตัวด้วยกัน ซึ่งตัวเลขและรหัสก็จะมีความหมายแตกต่างกันออกไป เราไปดูพร้อมๆ กันว่าตัวเลขหรือรหัสไหนคืออะไร มีความหมายอย่างไรบ้าง ดังนี้
ความกว้างของหน้ายาง
ตัวเลขยางรถที่แสดงถึงขนาดยางจะอยู่บนแก้มยาง เป็นตัวเลข 3 ตัวเรียงกันมีเครื่องหมาย / คั่นกลาง โดยตัวเลขที่แสดงความกว้างของหน้ายางจะเป็นตัวเลขตัวแรกสุด ซึ่งจะแสดงให้เห็นจากระยะแก้มยางด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง โดยมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ไม่รวมความสูงของตัวหนังสือ หรือสัญลักษณ์อื่นๆ ที่อยู่บนแก้มยาง
ยกตัวอย่าง
ตัวเลข 215/60R16 จะแสดงให้เห็นว่ายางเส้นนั้นมีขนาดความกว้างของหน้ายางเป็น 215 มิลลิเมตร
อัตราส่วนของขนาดล้อ ความสูงของแก้มยาง (%)
รหัสบนยางรถยนต์ตัวต่อไป คือตัวเลขที่แสดงถึงอัตราส่วนของขนาดล้อ และเป็นตัวเลขตัวที่ 2 ถัดมาจากความกว้างของหน้ายาง ตัวเลขนี้คืออัตราส่วนระหว่างความสูงของแก้มยางกับความกว้างของหน้ายาง โดยมีหน่วยเป็น % ซึ่งสามารถคำนวณความสูงจริงของแก้มยางได้ด้วยสูตร ดังนี้
ความกว้างหน้ายาง X (ความสูงของแก้มยาง ÷ 100 ) = ความสูงจริงของแก้มยาง
ยกตัวอย่าง
ตัวเลข 215/60R16 มีหมายความว่า ยางมีความสูงเป็น 60% ของความกว้างขนาดยาง หรือจะเรียกว่า 60 ซีรีย์ก็ได้เช่นกัน หากต้องการทราบความสูงจริง สามารถคำนวณโดยนำเอาความกว้างของยาง 215 มิลลิเมตร X ความสูงของแก้มยาง 60% ÷ 100 = ความสูงจริงของแก้มยาง 129 มิลลิเมตร
โครงสร้างของยางรถยนต์
รหัสบนยางรถยนต์ถัดมา คือตัวอักษรภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงโครงสร้างภายในของยางรถยนต์ ซึ่งช่วยรักษาความเสถียรภาพของยาง โดยส่วนใหญ่จะมีอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวด้วยกัน ได้แก่
R (Radial) : โครงสร้างยางเรเดียล หมายถึง ยางที่มีโครงสร้างเป็นชั้นผ้าใบ และเส้นลวดพันอยู่รอบยาง โดยทำมุมทแยงกับเส้นรอบวงของยาง
D (Diagonal) หรือ Bias Ply : ยางผ้าใบ หมายถึง ยางที่นำผ้าใบมาเรียงกันหลายชั้นเป็นแนวเฉียง
ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางล้อ
ตัวเลขบนยางรถยนต์ตัวต่อไป คือตัวเลขที่แสดงถึงขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว (Inch) โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งบอกถึงขนาดของล้อที่สามารถนำไปใส่กับยางได้
ยกตัวอย่าง
ตัวเลข 215/60R16 หมายถึง ยางรถยนต์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว ซึ่งสามารถใส่ได้กับล้อที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว เหมือนกันเท่านั้น
ดัชนีในการรับน้ำหนัก
ความหมายของเลขบนยางรถยนต์ตัวถัดไป คือดัชนีของน้ำหนักที่ยาง 1 เส้น สามารถรองรับได้ มีหน่วยเป็นกิโลกรัม หรือเรียกว่า ดัชนีการรับน้ำหนัก ซึ่งดัชนีการรับน้ำหนักนี้มีตัวเลขตั้งแต่เลข 60 ไปจนถึง 179 หมายถึงสามารถรองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 250 - 7,750 กิโลกรัม
ยกตัวอย่าง
ตัวเลข 215/55R17 92W หมายถึง ดัชนีการรับน้ำหนักของยางเส้นนี้เป็น 92 ซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดประมาณ 630 กิโลกรัม
ดัชนีระบุความเร็วของยาง
ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่ด้านหลังดัชนีในการรับน้ำหนักของยาง คือรหัสบนยางรถยนต์ที่บ่งบอกถึงดัชนีความเร็วสูงสุดของยางแต่ละเส้น โดยตัวอักษรภาษาอังกฤษแต่ละตัวมีความหมาย ดังนี้
L หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
M หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
N หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
P หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Q หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
R หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
S หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
T หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
U หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
H หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
VR หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
V หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ZR หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
W หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Y หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยางอยู่ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
(Y) หมายถึง ความเร็วสูงสุดของยาง มากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วัน เดือน ปี ที่ผลิตยางรถยนต์
กลุ่มเลขยางรถตัวสุดท้าย คือกลุ่มตัวเลขที่บ่งบอกถึงสัปดาห์และปีที่ผลิตยางรถยนต์ ซึ่งจะมีตัวเลข 4 ตัวติดกัน เช่น 0124 หมายถึง ยางเส้นนี้ผลิตสัปดาห์ที่ 1 ของปี ค.ศ. 2024 นั่นเอง ยิ่งปียางใหม่มากเท่าไหร่ ก็หมายความว่ายางมีคุณภาพดีมากขึ้นเท่านั้น
เทคนิคการซื้อยางเส้นใหม่ให้เหมาะสมกับรถ
แน่นอนว่ายางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากในการใช้งานรถ เมื่อรู้รายละเอียด สัญลักษณ์ และข้อมูลต่างๆ บนยางรถแล้ว มาดูเทคนิคในการซื้อยางให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานกัน
การเลือกขนาดของยางรถยนต์
การเลือกขนาดยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถของเรา ควรเลือกให้เท่าหรือใกล้เคียงกับยางที่ติดมากับโรงงานที่ผลิตรถยนต์ โดยดูได้จากรหัสบนยางรถยนต์ 3 ตัว แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ หากมีการลดขนาดล้อให้เล็กลง ก็ควรเพิ่มขนาดแก้มยางขึ้น หรือหากเปลี่ยนล้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ควรลดขนาดแก้มยางให้เล็กลง เพื่อให้ยางมีขนาดพอดีกับล้อ ไม่ติดซุ้มล้อเวลาเลี้ยว และป้องกันล้อดุ้ง หรือล้อแตกเวลาตกหลุมบนถนนอีกด้วย
การตรวจสอบสภาพของยางรถยนต์
นอกจากการดูตัวเลขบนยางรถแล้ว เราก็ควรหมั่นตรวจสอบสภาพของยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจสอบว่ายางรถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพดี และพร้อมสำหรับการใช้งานหรือไม่ ยางบวม มีรอยแตก หรือมีความแข็งกระด้างหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบเบื้องต้นด้วยการใช้เล็บจิกบริเวณยางดู หากยางคืนตัวก็แสดงว่ายางยังนิ่มอยู่ รวมถึงควรตรวจดูร่องรอยการรั่ว รอยแผล และรอยปะต่างๆ ของยางด้วย
การเลือกยางให้เหมาะสมกับการขับขี่
นอกจากการดูเลขยางและสภาพยางแล้ว สุดท้ายคือการเลือกยางให้เหมาะกับการขับขี่ของคุณเอง โดยดูได้จากสภาพถนนที่คุณใช้รถขับขี่เป็นประจำ เช่น หากคุณขับรถในเมืองที่ถนนมีลักษณะเรียบสม่ำเสมอกัน ก็ควรเลือกยางที่มีดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับถนนได้มากที่สุด แต่หากคุณต้องขับรถในต่างจังหวัดที่ถนนมีลักษณะขรุขระ ก็ควรเลือกยางที่มีดอกใหญ่และร่องห่าง เพื่อให้หินที่อยู่บนถนนไม่ติดตามร่องยางนั่นเอง
สรุป
ความหมายของเลขยางรถยนต์แต่ละตัวมีความสำคัญ เพราะบ่งบอกถึงคุณสมบัติของยางแต่ละเส้น เช่น บอกถึงขนาดยาง น้ำหนักที่สามารถบรรทุกได้ ความเร็วที่จำกัด หรือวันเดือนปีที่ผลิตยาง เมื่อสามารถดูเลขบนยางรถได้ และสามารถตรวจสอบสภาพยางได้ ก็จะทำให้คุณเลือกซื้อยางได้เหมาะสมกับรถและการใช้งาน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนยางใหม่บ่อยๆ และสามารถใช้ยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณต้องการยางที่มีมาตรฐาน สามารถมาเลือกซื้อยางได้ที่ Autobacs ซึ่งเป็นศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร มาตรฐานอันดับ 1 จากญี่ปุ่น ทำให้คุณมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพของสินค้าและการบริการที่ดีเยี่ยม