 (1).jpg)
อาการรถเร่งไม่ขึ้นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไร
Post Date: 9 Aug 2024
อาการรถเร่งไม่ขึ้นเกิดจากอะไร มีวิธีเช็กอย่างไร แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
Key Takeaway
หากรถเกียร์ธรรมดาเร่งไม่ขึ้น อาจเกิดจากหัวเทียนเสื่อม ที่กรองอากาศสกปรก และมีฝุ่นเกาะ ที่กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดการอุดตัน น้ำมันเครื่องเริ่มเก่า หรือตัวคอยล์จุดระเบิดมีปัญหา เป็นต้น
หากรถเกียร์ออร์โต้เร่งไม่ขึ้น อาจเกิดจากเกียร์กระชาก ใช้เกียร์ D และเกียร์ R แต่รถก็ไม่เกิดการตอบสนอง เกิดการรั่วซึม มีคราบน้ำมันไหลออกมาบริเวณพื้น หรือบริเวณล้อรถ ตัวเครื่องยนต์ร้อนถึงจะออกตัวได้ เพราะเกิดจากการสึกหรอ เป็นต้น
หากตรวจพบว่ารถยนต์มีอาการเร่งไม่ขึ้น อาจเริ่มจากการตรวจสอบภายนอกรถ ตั้งแต่การสังเกตภายนอกรถด้วยการมองภายนอก ตรวจสอบว่ามีกลิ่น หรือเสียง ที่ผิดจากปกติไหม
และตรวจสอบภายในรถ ตั้งแต่การตรวจสอบรหัสไฟแจ้งเตือน ระบบน้ำมันเครื่อง ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบไฟ ระบบกลไกภายในต่างๆ รวมถึงระบบส่งกำลัง เป็นต้น
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่ารถยนต์ของตัวเองเมื่อใช้ขับขี่ไปนานๆ ก็จะมีการเสื่อมสภาพตามระยะทาง และการใช้งานที่มากขึ้น โดยหนึ่งในปัญหาเหล่านั้นคืออาการรถเร่งไม่ขึ้น หรือรถอืดนั่นเอง โดยบทความนี้จะพาไปดูกันว่าอาการรถเร่งไม่ขึ้น ที่เกิดจากทั้งรถแบบเกียร์ออโต้ และเกียร์ธรรมดามีสาเหตุมาจากอะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง
รถเกียร์ธรรมดาเร่งไม่ขึ้น เกิดจากอะไร
สาเหตุของอาการรถเร่งไม่ขึ้นในรถเกียร์ธรรมดานั้นมีหลายปัจจัย โดยสาเหตุต่างๆ มีดังนี้
หัวเทียนเสื่อมสภาพ
การเช็กสภาพของหัวเทียนรถยนต์คือขั้นตอนแรกๆ ที่ต้องตรวจสอบหากพบว่ารถที่เรากำลังขับขี่อยู่นั้นมีอาการอืด และเร่งไม่ขึ้น เนื่องจากหัวเทียนจะช่วยในการทำงานของกระบอกสูบเครื่องยนต์ให้ขับเคลื่อน ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหัวเทียนเสื่อมสภาพลงไป ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์ก็จะลดลงตามมาอย่างแน่นอน
ที่กรองอากาศสกปรก
อากาศที่ไหลเวียนมาภายในรถ และเครื่องยนต์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้ โดยหากอากาศมีการไหลเข้ามาไม่เพียงพอต่อการจุดระเบิดการทำงานของเครื่องยนต์ ก็จะส่งผลให้รถเร่งไม่ขึ้นได้ ดังนั้น ควรต้องมีการเช็กสภาพเครื่องกรองเป็นระยะด้วยเช่นกัน
น้ำมันเครื่องเริ่มเก่า
การทำงานอย่างไหลลื่น และเต็มประสิทธิภาพของรถยนต์มาจากน้ำมันเครื่อง โดยเครื่องยนต์ที่ใช้งานไปนานๆ ก็จะทำให้น้ำมันเครื่องเก่า และดำ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์อืด และเกิดความร้อนจนไม่สามารถเร่งเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ตามปกติ ดังนั้น จึงแนะนำว่าควรมีการเช็กน้ำมันเครื่องในทุกๆ 6 เดือนหรือทุกๆ ระยะ 8,000-10,000 กิโลเมตร
ที่กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน
นอกจากน้ำมันเครื่องจะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว ที่กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเองก็มีส่วนสำคัญในการคัดกรองสิ่งสกปรกจากน้ำมัน เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์อุดตันจนประสิทธิภาพในการทำงานลดลง โดยแน่นอนว่า หากที่กรองน้ำมันอุดตันจากการสะสมของฝุ่น หรือมีสิ่งสกปรกอยู่ในน้ำมันเชื้อเพลิง ก็จะทำให้เครื่องยนต์กระตุก และมีอาการรถเร่งไม่ขึ้นนั่นเอง
ตัวคอยล์จุดระเบิดมีปัญหา
ตัวคอยล์จุดระเบิดทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำกระแสไฟไปสู่หัวเทียน ที่จะช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ หากตัวคอยล์จุดระเบิดมีปัญหาก็จะส่งผลต่อการทำงานที่ขัดข้องของหัวเทียนในทันที และเครื่องยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลทำให้รถเร่งไม่ขึ้นเช่นกัน
รถเกียร์ออโต้เร่งไม่ขึ้น เกิดจากอะไร
รถเกียร์ออโต้ก็สามารถมีอาการรถเร่งไม่ขึ้นได้เช่นกัน โดยมีสาเหตุหลายประการ ดังนี้
เกียร์กระชาก
เกียร์กระชาก หรือเกียร์กระตุกมีสาเหตุมาจากการที่น้ำมันเกียร์สกปรกจนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยจะต้องมีการตรวจสอบประมาณปีละครั้ง หรือทุกๆ ระยะ 20,000 กิโลเมตร เพื่อทำการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้
ใช้เกียร์ D และเกียร์ R แต่รถไม่ตอบสนอง
ปัญหาเกียร์ไม่ตอบสนองทั้งเกียร์ R และเกียร์ D ต้องรีบทำการตรวจสอบ และเช็กระบบเกียร์โดยทันที หากระบบไม่ได้รับความเสียหายมาก อาจแค่ซ่อม หรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ แต่ถ้าหากมีปัญหามากกว่านั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบหาสาเหตุให้แน่ชัด เพื่อทำการซ่อมแซม และแก้ไขเกียร
มีคราบน้ำมันไหลออกมาบริเวณพื้น หรือล้อรถ
เมื่อทำการตรวจสภาพรถ และพบว่ารถมีคราบน้ำมัน ให้รีบเช็กหาจุดที่เกิดการรั่วซึมของน้ำมัน เพื่อรีบทำการซ่อมแซมในจุดนั้นๆ ทันที เพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดข้องอื่นๆ ตามมาในอนาคต
ตัวเครื่องยนต์ร้อน ถึงจะออกตัวได้
เมื่อเราพบว่ารถจะสามารถออกตัว หรือเร่งเครื่องได้ก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนที่เพียงพอ ให้คาดเดาได้เลยว่ามีการสึกหรอเกิดขึ้น เนื่องจากปกติแล้วเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter ที่ทำงานมานานก็สามารถสึกหรอได้ ดังนั้น อาจทำการซ่อม หรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่
อาการรถเร่งไม่ขึ้น ตรวจสอบเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง
สามารถตรวจสอบอาการรถเร่งไม่ขึ้นเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ง่ายๆ โดยมีหลักในการตรวจสอบดังต่อไปนี้
ตรวจสอบสภาพภายนอกของรถ
การตรวจสอบสภาพภายนอกของรถ สามารถทำได้จากการสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลักษณะที่สามารถสังเกตเห็นได้ กลิ่นที่ผิดแปลกไป หรือเสียงรถที่ผิดปกติ โดยมีวิธีการตรวจสอบดังนี้
ตรวจเช็กรูป คือการที่เราตรวจสอบได้ด้วยการมอง หรือเช็กความผิดปกติจากการสังเกต ไม่ว่าจะเป็นการพบคราบน้ำมัน การตรวจสอบควันไอ หรือตรวจสภาพสายไฟ เป็นต้น
ตรวจเช็กเสียง โดยการที่เราหมั่นฟังเสียงเครื่องยนต์ขณะทำงานว่าผิดปกติหรือไม่ โดยหากมีเสียงที่ผิดปกติไปก่อนการเร่งเครื่อง ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ารถอาจเกิดอาการรถเร่งไม่ขึ้นได้
ตรวจสอบด้วยกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นการได้กลิ่นน้ำมันที่แรงผิดปกติ ซึ่งอาจคาดเดาได้ว่าเกิดการรั่วซึมของน้ำมันในส่วนต่างๆ หรือกลิ่นไหม้ที่อาจมาจากผ้าเบรก เป็นต้น
ตรวจสอบระบบภายในของรถ
ระบบภายในของรถยนต์ สามารถตรวจสอบ และสังเกตได้ผ่านการแจ้งเตือนของรหัสไฟต่างๆ ที่จะโชว์ขึ้น และการตรวจสอบระบบการทำงานของเครื่องยนต์สามารถตรวจสอบได้ ดังนี้
ตรวจสอบจากการสังเกตรหัสไฟ โดยจะมีเซ็นเซอร์จับที่จุดต่างๆ หากจุดไหนปรากฏไฟแจ้งเตือน ก็สามารถเช็กเพื่อทำการแก้ไขได้ เช่น เซ็นเซอร์เพลาข้อเหวี่ยง เพลารูปเบี้ยว เสื้อลิ้นปีกผีเสื้อ หรือเซ็นเซอร์แอร์โฟร์ เป็นต้น
ตรวจสอบระบบน้ำมันเครื่อง ทั้งน้ำมันหล่อลื่น และระบบระบายความร้อน โดยต้องตรวจสอบว่าน้ำมันเครื่องแห้งหรือไม่ หรือน้ำมันเกียร์ และน้ำหล่อเย็นในระบบแห้งหรือไม่
ตรวจสอบระบบน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเริ่มเช็กตั้งแต่ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง สายน้ำมัน ที่กรองน้ำมัน ไปจนถึงรางเชื้อเพลิงว่ามีการชำรุดเสียหายหรือไม่
ตรวจสอบระบบไฟ เช่น การตรวจสอบหัวเทียน คอยล์จุดระเบิด สายคอยล์ ว่ามีส่วนไหนชำรุด หรือผิดปกติหรือไม่
ตรวจสอบระบบกลไก เช่น สายพานราวลิ้น แกนเทอร์โบ เพลารูปเบี้ยว สปริงวาล์ว โดยเช็กว่ามีส่วนใดที่แตกหักหรือไม่
ตรวจสอบระบบส่งกำลัง โดยตรวจดูว่าคลัตช์มีรอยไหม้หรือไม่ หรือตรวจสอบว่ามีส่วนที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบส่งกำลังรถได้รับความเสียหายหรือไม่
วิธีแก้ไขอาการรถเร่งไม่ขึ้น ทำได้อย่างไรบ้าง
อาการรถเร่งไม่ขึ้นสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ ดังนี้
หากเป็นรถเกียร์ออโต้รุ่นเก่าที่เร่งไม่ขึ้น ให้กดปุ่ม O/D (Overdrive) จะช่วยทำให้สามารถลดอาการรถเร่งไม่ขึ้นได้
หากเป็นรถเกียร์ออโต้รุ่นใหม่ ให้ใช้เกียร์ D3 หรือ S ที่จะช่วยให้เครื่องยนต์มีอัตราทดที่เหมาะสม และเหมาะสมกับการเร่ง
หากกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว หรือไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งเครื่องยนต์แล้ว ก็ให้กลับมาใช้เกียร์ D ตามปกติได้
สรุป
อาการรถเร่งไม่ขึ้นมีสาเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย โดยเราสามารถสังเกตสาเหตุของอาการรถเร่งไม่ขึ้นได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตจากภายนอก เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนไหนทำงานผิดปกติ หรือชำรุดหรือไม่ หรือการสังเกตจากไฟโชว์เซ็นเซอร์ของระบบต่างๆ และเมื่อพบว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทำงานผิดปกติก็ควรรีบซ่อมแซม และแก้ไขทันที
หากเกิดอาการรถเร่งไม่ขึ้น และเราเองก็ไม่มั่นใจว่าเกิดจากอะไร หรือควรซ่อมแซมในส่วนไหนบ้าง สามารถเข้ามาปรึกษา และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ได้ที่ AUTOBACS เพราะที่นี่เป็นศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นรับติดตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เติมลมไนโตรเจน ล้างแอร์รถ ล้างเบรก เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือการเช็กสภาพรถทั้ง 25 รายการ ฟรี! เพื่อทำให้เราสามารถอุ่นใจ และปลอดภัยตลอดการเดินทาง