Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

อายุแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ได้กี่ปี


Post Date: 9 Aug 2024

Share to

อายุแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ได้กี่ปี มีอายุการใช้งานนานเท่าไร จึงควรเปลี่ยน

อายุแบตเตอรี่รถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยปละละเลย สำหรับผู้ขับขี่ เพราะแบตเตอรี่เปรียบเสมือนหัวใจหลักของรถยนต์ เพราะหากดูแลไม่ดี แบตอาจเกิดปัญหา แล้วทำให้รถยนต์ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น ผู้ใช้รถควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบแบตเตอรี่รถยนต์ว่ามีอายุการใช้งานอีกนานเท่าไร หรือถึงช่วงปีไหนที่ควรเปลี่ยนทันที เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถและเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด

Key takeaway

  • แบตเตอรี่รถยนต์ คือตัวหลักที่ช่วยดึงกระแสไฟฟ้ามากักเก็บจากการใช้งานรถยนต์ตามปกติ มาเก็บไว้ยังอุปกรณ์แบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้มีพลังงานสำหรับการใช้กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของระบบรถยนต์ที่ต้องการกำลังไฟ

  • แบตเตอร์รี่รถยนต์มี 4 ประเภท คือแบบแห้ง กึ่งแห้ง น้ำ ไฮบริด

  • อายุของแบตเตอร์รี่รถยนต์อยู่ที่ประมาณ 2–5 ปี ควรเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์เมื่อมีอาการผิดปกติ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้หมดอายุ 

  • สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอร์รี่รถยนต์เสื่อม คือจอดรถทิ้งไว้โดยไม่สตาร์ต สตาร์ตรถทิ้งไว้ทั้งคืน และน้ำกลั่นปนเปื้อน

  • วิธีเช็กอาการแบตเตอร์รี่เสื่อมทำได้โดยสังเกตอาการผิดปกติของรถยนต์ คือรถสตาร์ตติดยาก ไฟหน้าสว่างไม่เท่าเดิม ระบบไฟทำงานผิดปกติ สีตาแมวเปลี่ยน และแตรไม่ดัง

  • ควรดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์และเลือกแบตเตอรี่ให้เหมาะสมและมีมาตรฐาน เพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น


แบตเตอรี่รถยนต์ คืออะไร 

แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่เป็นตัวหลักที่ช่วยป้อนพลังงานกระแสไฟฟ้าที่ได้รับจากการหมุนทำงานในส่วนไดชาร์จ หรืออธิบายง่ายๆ ได้ว่าเป็นการดึงกระแสไฟฟ้ามากักเก็บจากการใช้งานรถยนต์ตามปกติ มาเก็บไว้ยังอุปกรณ์แบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้มีพลังงานสำหรับการใช้กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของระบบรถยนต์ที่ต้องการกำลังไฟ เช่น ระบบเครื่องยนต์หลักและแผงควบคุม ระบบชาร์จกระแสไฟฟ้าจากการเสียบสายอุปกรณ์ต่างๆ ระบบการจุดไฟภายในตัวรถ รวมถึง แบตเตอรี่การสตาร์ตรถ และอื่นๆ ที่เป็นระบบต้องใช้กำลังไฟทั้งหมด ก็จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์นี้ไปใช้งาน พร้อมกับการรีชาร์จสะสมตลอดระยะเวลาการวิ่งรถอย่างไม่มีหมด ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าระบบการหมุนเวียนพลังงานไฟฟ้าของแบตเตอรี่รถยนต์จะดูไม่มีหมด เป็นการหมุนเวียนพลังงานจากการใช้รถอยู่ตลอดเวลา ก็ยังต้องมีวิธีการรักษาแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง พร้อมการตรวจสอบข้อมูลของแบตเตอรี่รถยนต์เกี่ยวกับอายุการใช้งานกี่ปีเพื่อเปลี่ยนบำรุงรักษาสภาพอย่างเหมาะสมนั่นเอง

แบตเตอรี่รถยนต์มีกี่ประเภท

แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นหนึ่งในอะไหล่สำคัญที่ช่วยหมุนเวียนพลังงานเพื่อใช้จ่ายให้กับตัวรถไปยังส่วนต่างๆ และมีวิธีการดูแลที่รักษาง่ายมาก ทั้งนี้ประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์ก็มีหลากหลายให้เลือกตามการใช้งานให้เหมาะสม เพื่อการวิ่งรถอย่างมีประสิทธิประภาพสูงสุด พร้อมการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นอีกด้วย มารู้จักกับแบตเตอรี่รถยนต์ว่ามีกี่ประเภท แล้วเลือกใช้ได้เหมาะสมกับสไตล์การเดินทาง ดังนี้

แบตเตอรี่แบบแห้ง

แบตเตอรี่แบบแห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก และดูแลรักษาได้ง่ายมาก เพราะเป็นรูปแบบแบตเตอรี่ที่ไม่มีรูในการเติมน้ำกลั่น คุณสมบัติของตัวแบตเตอรี่แบบแห้งคือไม่จำเป็นต้องตรวจเช็กระดับน้ำกลั่น เพราะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นลงไป สำหรับโครงสร้างระบบแบตเตอรี่แห้งจะมีน้ำกรดประเภทที่เหมาะกับการทำปฏิกิริยาชาร์จพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ผลิตไว้ภายในตัวแบตเตอรี่แห้งเรียบร้อย ค่อนข้างสำเร็จรูปและใช้งานง่ายมาก 

ดังนั้น ข้อดีจะชัดเจนในเรื่องการดูแลรักษาและการบำรุงสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ต้องเช็กระดับน้ำกลั่น แม้ว่าจะวิ่งรถหนักหรือใช้งานกับระยะทางไกล ส่วนข้อเสียหลักๆ คือเรื่องของราคาตัวแบตเตอรี่ที่สูงกว่าประเภทอื่นๆ อยู่มาก พร้อมกับอายุการใช้งานที่ต้องมีการเปลี่ยนแบตทั้งก้อนใหม่ทุกครั้งที่มีการดูแลรักษาครบอายุ ส่วนข้อควรระวังคือห้ามมีความชื้นเข้าไปยังตัวแบตเตอรี่ ไม่แนะนำให้ทดลองนำมาแกะหรือดัดแปลงใดๆ เด็ดขาด เพราะอาจทำให้ตัวซีลปิดผนึกมีความเสียหายเกิดขึ้นได้

แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง

คุณสมบัติของตัวแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง จะมีการทำงานที่คล้ายกับแบตเตอรี่แบบแห้งทั้งหมด แต่สำหรับลักษณะของแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งจะแตกต่างตรงที่ยังมีรูเติมน้ำกลั่นอยู่ เพราะแบตเตอรี่กึ่งแห้งนี้จะต้องใช้พลังงานน้ำกลั่นเข้าช่วยสำหรับการหมุนเวียนกระแสไฟฟ้า แต่ก็ไม่ต้องตรวจสอบบ่อยมากนัก มีการดูแลรักษาที่ง่ายมาก ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นเพียงแค่ 1 – 2 ครั้งต่อปี แม้ว่าจะมีการวิ่งรถหนักก็ตาม 

นอกจากนี้แบตเตอรี่กึ่งแห้งยังมีราคาที่ถูกกว่าแบตเตอรี่แห้งเยอะมาก ถึงแม้จะยังเป็นประเภทแบตเตอรี่ระบบน้ำกลั่นที่ราคาสูงอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่รูปแบบเติมน้ำกลั่นโดยตรงก็ตาม แต่แบตเตอรี่รถยนต์ประเภทนี้ก็มีอายุการใช้งานได้ยาวนานมากกว่าแบบแห้ง

แบตเตอรี่แบบน้ำ

แบตเตอรี่แบบน้ำ เป็นชนิดของแบตเตอรี่ที่พบเห็นกันมาตลอดกับระบบการเติมน้ำกลั่นเข้าไปยังรูเติมน้ำที่ตัวแบตเตอรี่ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์ โดยมีตัวนำไฟฟ้าหลักเข้าช่วยผ่านน้ำกลั่นตลอดเวลานั่นเอง จึงเป็นแบตเตอรี่ที่มีราคาถูกมากที่สุด และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวก้อนแบตเตอรี่เลย เน้นการตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นแล้วเติมเข้าไปเองได้เรื่อยๆ  ถือว่าเป็นแบตเตอรี่ที่คุ้มค่ากับผู้ใช้รถยนต์หนักๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ต้องเสียงบประมาณสูง ถึงแม้ว่ากำลังไฟฟ้าจะไม่เท่ากับแบตเตอรี่แบบแห้งหรือแบบกึ่งแห้ง แต่ก็มีอายุการใช้งานได้ยาวนานตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปีเลย ขึ้นอยู่กับสภาพการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี 

แบตเตอรี่แบบไฮบริด

แบตเตอรี่แบบไฮบริดจะผสมผสานการทำงาน คุณสมบัติ และการดูแลรักษาต่างๆ ระหว่างรูปแบบของแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งและแบตเตอรี่แบบน้ำเข้าด้วยกัน ซึ่งข้อดีคือ เป็นแบตเตอรี่ที่มีกำลังค่าแรง CCA สูงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ และมีราคาที่ถูกมากกว่าแบตเตอรี่แบบแห้งกับกึ่งแห้ง ถึงแม้ว่าจะต้องมีการตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นอยู่ตลอดก็ตาม แต่ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีและคุ้มค่าของผู้ใช้งานรถยนต์หนักๆ แน่นอน

อายุแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ได้กี่ปี

คำถามยอดนิยมของคนรักรถที่หมั่นดูแลรักษาระบบต่างๆ เพื่อให้รถยนต์มีการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือคำถามที่ว่าแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุกี่ปี ควรเปลี่ยนก้อนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อมีอายุการใช้งานนานเท่าไร และจะตรวจสอบได้อย่างไร 

หากเป็นคำถามในเรื่องของอายุแบตเตอรี่รถยนต์นั้น สามารถตอบได้เลยว่าโดยปกติแล้วแบตเตอรี่ทุกประเภทที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจากโรงงาน จะระบุระยะเวลาใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2–5 ปี ถัดมาคือการตรวจสอบสภาพการใช้งานของแบตเตอรี่แต่ละประเภทและความสม่ำเสมอในการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ดูว่ามีการใช้งานรถยนต์ตลอดหรือไม่ เพื่อให้มีกระแสการจ่ายพลังงานไฟฟ้าต่อเนื่อง ไม่ทำให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อม เพราะหากเป็นรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานจะทำให้ตัวแบตเสื่อมได้ไวมาก รวมถึงการเติมน้ำกลั่นของแบตเตอรี่แบบน้ำ ห้ามปล่อยให้ระเหยจนหมด ไม่เช่นนั้นตัวแบตก็จะเสื่อมสภาพไวเช่นกัน หากมีการดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะสามารถยืดอายุการใช้งานไปถึง 10 ปีได้เลย ส่วนแบตเตอรี่แบบแห้ง แนะนำให้เปลี่ยนเมื่อใช้งานครบ 5 ปีจึงส่งผลดีต่อตัวรถมากที่สุด

 

ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อไหร่

อาการพร้อมสาเหตุหลักที่พบเจอบ่อย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์หรือต้องเริ่มตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่โดยด่วน ไม่ว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์จะมีระยะเวลาเท่าไรก็ตาม เช่น การสตาร์ตรถยนต์ที่ต้องใช้เวลานานมากขึ้นกว่าจะสตาร์ตเครื่องยนต์ติดได้ ตรงนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากตัวแบตเตอรี่โดยตรงแน่นอน หรือจะเป็นการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังไฟหน้ารถที่มีความสว่างน้อยลง จากปกติเปิดแค่ไฟหน้าระดับทั่วไปก็สว่างมาก แต่ต้องเริ่มเปิดเป็นไฟสูงบ่อยขึ้น จึงจะมองเส้นทางได้ชัดเจน ส่วนนี้แนะนำว่าให้ตรวจเช็กตัวแบตเตอรี่โดยด่วนเช่นกัน เป็นวิธีการตรวจสอบง่ายๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ใช้รถเป็นประจำจะสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติเบื้องต้นเหล่านี้ได้ จึงควรตรวจเช็กหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้หมดอายุก่อน

สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม

อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับแบตเตอรี่ทุกประเภท แม้ว่าอายุแบตเตอรี่รถยนต์จะยังไม่ถึงกำหนดเปลี่ยนหรือยังไม่ถึงเวลาเสื่อมสภาพก็ตาม ซึ่งมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมได้ แต่ยังมีบางสาเหตุที่ผู้ใช้รถหลายคนอาจมองข้าม ดังนี้

จอดรถยนต์ทิ้งไว้นาน โดยไม่สตาร์ต

การจอดรถยนต์ทิ้งไว้นาน โดยไม่มีการสตาร์ตรถยนต์เลย เป็นปัญหาหลักที่หลายๆ คน มักจะพบเจอได้ง่ายที่สุด เพราะตัวแบตเตอรี่นั้น จำเป็นต้องมีพลังงานไฟฟ้ามากระตุ้นประจุการทำงาน และต้องมีการหมุนเวียนพลังงานภายในระบบอยู่เสมอ เพื่อให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ได้อย่างยาวนานที่สุด ดังนั้นวิธีการดูแลรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานรถ คือควรนำรถยนต์ออกไปสตาร์ตและวิ่งใช้งานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง เพราะยิ่งจอดรถทิ้งไว้นาน ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะยิ่งไม่เก็บประจุ ทำให้เสื่อมไวมากขึ้น 

เผลอเปิดรถรถยนต์ทิ้งไว้ทั้งคืน

ถึงแม้ว่าการจอดรถทิ้งไว้เฉยๆ เป็นเวลานาน โดยไม่มีการนำรถออกไปใช้เลย จะทำให้แบตเสื่อมจากการคายประจุที่ไม่มีการกระตุ้นกระแสไฟฟ้าจากไดสตาร์ต แต่การเผลอเปิดรถรถยนต์ทิ้งไว้เฉยๆ ทั้งคืน ก็ทำให้แบตเสื่อมได้เช่นกัน เพราะพลังงานไฟฟ้าจะถูกดึงไปใช้งานกับระบบควบคุมภายในตัวรถเพียงอย่างเดียว ไม่มีการหมุนเวียนเติมชาร์จพลังงานจากการวิ่งรถยนต์ จึงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว กินอายุของแบตเตอรี่ไวมาก ดังนั้นจึงควรตรวจสอบทุกครั้งที่จอดรถว่าดับเครื่องยนต์แล้วหรือยัง

น้ำกลั่นมีสิ่งปนเปื้อน

น้ำกลั่นถือว่าเป็นน้ำที่สะอาดมาก ไว้ใช้สำหรับเติมเป็นพลังงานให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ ดังนั้นจึงไม่ควรผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำอื่นๆ ให้เกิดสิ่งปนเปื้อนเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตเสื่อมสภาพหรือพังได้ในทันที อันตรายต่อเรื่องยนต์อย่างมาก ควรเติมเป็นน้ำกลั่นแท้ 100 % เท่านั้น

5 วิธีเช็กอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม

วิธีสังเกตอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเพื่อดูว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของเราถึงเวลาเปลี่ยนแบตแล้วหรือยัง สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนจากการใช้งาน โดยมีสัญญาณบ่งบอกที่ทุกคนสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เพื่อให้การดูแลรักษาแบตเตอรี่เป็นไปอย่างเหมาะสม ถูกช่วงเวลา และถูกขั้นตอน แค่ตรวจสอบจาก 5 อาการหลัก ดังนี้ 

1. รถยนต์สตาร์ตยากกว่าปกติ

หากการสตาร์ตรถยนต์มีการใช้ระยะเวลาที่นานมากกว่าปกติ หรือต้องสตาร์ตหลายรอบ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ควรต้องมีการตรวจเช็กหรือเปลี่ยนแบตโดยด่วน เป็นขั้นตอนการตรวจสอบที่ง่ายและมีสัญญาณบ่งบอกที่ชัดเจนมากที่สุด

2. ไฟหน้าไม่สว่างเท่าเดิม

หากต้องเริ่มเปิดระบบไฟหน้ารถให้เป็นระดับไฟสูงบ่อยขึ้น หรือระยะการมองเห็นของไฟหน้าไม่สว่างเท่าเดิม อาจมีสาเหตุมาจากการใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพนั่นเอง ควรเปลี่ยนแบตแล้วทุกระบบจะใช้งานได้ตามปกติแน่นอน

3. ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ

ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ภายในห้องควบคุม หรือแผงวงจร แผงคอนโซลของรถยนต์ มีการทำงานที่ช้าลง ขัดข้อง ระบบไฟฟ้าดับเป็นบางส่วน เช่น แผงควบคุมแสดงผลที่หน้าปัด ระบบแอร์รถยนต์ หรือระบบเครื่องเสียง และอื่นๆ ภายในตัวรถที่มีการทำงานขัดข้องบ่อยๆ ก็มีสาเหตุหลักมาจากตัวแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพเช่นกัน

4. สีตาแมวเปลี่ยนไป

วิธีนี้อาจต้องใช้ความชำนาญและความรู้ในเรื่องเครื่องยนต์สำหรับตรวจเช็ก เพื่อดูว่าสีตาแมวที่อยู่บริเวณบนตัวแบตเตอรี่เปลี่ยนไปหรือไม่ หากสีของตาแมวเปลี่ยน แนะนำให้ตรวจสอบกำลังกระแสไฟฟ้าทันที อาจมีอาการกระแสไฟฟ้าจ่ายน้อยลง ควรเปลี่ยนตัวแบตใหม่ทันที

5. แตรไม่ดัง

ระบบแตรรถยนต์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการใช้งานระบบไฟฟ้าภายในตัวรถยนต์ ซึ่งต้องดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหากแตรรถเริ่มมีเสียงที่เบาลง หรือแตรไม่ดัง ปัญหามาจากแบตเสื่อมแน่นอน ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนตัวแบตเพื่อให้แตรกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ

วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น

วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น และป้องกันอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เป็นการตรวจสอบและบำรุงอย่างถูกต้อง สามารถทำได้เองง่ายๆ แม้ไม่มีความชำนาญเรื่องเครื่องยนต์ และไม่ต้องเสียเงินไปยังศูนย์ซ่อมบำรุงบ่อยๆ โดยมีวิธีการดูแลอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์พร้อมสภาพที่ใช้งานยาวนานมากขึ้น ดังนี้

  • ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นทุกๆ 3–5 เดือนเป็นอย่างน้อย ถึงแม้ว่ามาตรฐานการตรวจสอบจะแนะนำไว้ที่ 1 ปี หรือ 6 เดือนก็ตาม

  • การทำความสะอาดแบตเตอรี่บริเวณภายนอกรอบๆ ตัวแบต รวมถึงระบบสายไฟหรือวงจรต่างๆ แนะนำใช้เป็นน้ำอุ่นในการขจัดคราบน้ำมัน คราบการใช้งานของพลังงานต่างๆ จะดีมากกว่า และต้องเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ

  • การเติมน้ำกลั่นที่ถูกต้องที่สุด ต้องเติมตรงกับระดับมาตรฐานเท่านั้น ห้ามเผื่อที่ระดับมากกว่าหรือต่ำกว่าโดยเด็ดขาด

  • หากระบบไฟฟ้าอ่อนกำลังแต่ยังมีการใช้งานรถยนต์อยู่ตลอดเวลา แนะนำให้ตรวจสอบระบบไดชาร์จ

  • หากกำลังตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอยู่ ห้ามสูบบุหรี่ หรือห้ามมีสะเก็ดไฟใกล้ๆ โดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดการระเบิดได้

วิธีเลือกแบตเตอรี่ให้เหมาะกับรถยนต์

วิธีการเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ให้เหมาะสมและมีมาตรฐาน พร้อมอายุแบตเตอรี่รถยนต์ที่ยาวนาน คุ้มค่ากับการเลือกซื้อนั้น แนะนำให้เลือกตามมาตรฐานหลัก ดังนี้

  1. การดูยี่ห้อดังที่มีการรับประกัน จะเป็นมาตรฐานหลักที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าประเภทของแบตเตอรี่ที่ช่างพัฒนาขึ้นมาเองก็ตาม

  2. ดูอายุแบตเตอรี่รถยนต์ได้จากล็อตการผลิต แนะนำให้เลือกซื้อแบตเตอรี่จากล็อตการผลิตใหม่ๆ ปีปัจจุบันจะยิ่งดี ไม่แนะนำให้ซื้อแบตเตอรี่ที่มีการลดราคาจากตัวล็อตผลิตที่มานานแล้ว

  3. หากแบตเตอรี่รถยนต์เป็นรูปแบบใด ก็ควรเปลี่ยนใหม่ในรูปแบบนั้น ไม่แนะนำให้ลองเปลี่ยนประเภทเอง เพราะระบบการหมุนเวียนพลังงานไฟฟ้าอาจไม่สมบูรณ์เท่าเดิม และโอกาสเสื่อมสภาพจะมีมากกว่า

สรุป

แบตเตอรี่เป็นหนึ่งในอะไหล่ที่สำคัญอย่างมากกับรถยนต์ เพราะเป็นระบบที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าและหมุนเวียนพลังงานหลักไปใช้ยังส่วนต่างๆ ให้กับระบบรถยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น ควรต้องมีการดูแลรักษาอยู่เสมอ บำรุงรักษาและใช้งานรถยนต์อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ให้คุ้มค่ามากขึ้น เพราะโดยมาตรฐานแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์แต่ละประเภทจะมีอายุการใช้งานที่ 2–5 ปี แต่หากบำรุงรักษาอยู่เสมอ ก็สามารถยืดอายุเพิ่มขึ้นได้อีก 1 ปีเต็มๆ เช่นกัน ส่วนการตรวจเช็กช่วงเวลาเปลี่ยนแบต ก็เป็นพื้นฐานการใช้งานที่ผู้ใช้รถจะรู้สึกได้ ไม่ว่าจะเป็น การสตาร์ตรถที่ติดยากขึ้น ระบบภายในต่างๆ ที่เป็นระบบใช้ไฟฟ้า เช่น แผงควบคุม เครื่องเสียง แอร์ ไฟหน้ารถ มีการใช้งานที่ขัดข้องบ่อยครั้ง ก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ทันที เพราะอาจมีอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมก่อนระยะเวลาหมดอายุนั่นเอง

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsOTHER BLOGS

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top