Picture of the author
autobacsautobacs
autobacs

ล้างแอร์รถมีประโยชน์อย่างไร ล้างแบบไหนได้บ้าง


Post Date: 9 Aug 2024

Share to

ล้างแอร์รถยนต์มีประโยชน์อย่างไร ล้างแบบไหนได้บ้าง ควรล้างบ่อยแค่ไหน

Key Takeaway

  • แอร์รถยนต์ ช่วยหมุนเวียนอากาศภายในรถยนต์ ช่วยควบคุมอุณหภูมิ ช่วยดูแลเรื่องกลิ่นอับ หรือช่วยกรองฝุ่นควัน และเชื้อโรค เป็นต้น การล้างแอร์รถยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการเดินทาง

  • การล้างแอร์รถยนต์ควรล้างปีละ 1-2 ครั้ง หรือช่วงระยะประมาณ 10,000-20,000 กิโลเมตร แต่ถ้าแอร์เริ่มไม่เย็น ทำงานช้า มีน้ำหยดออกมาจากแอร์ แอร์มีเสียงดัง หรือมีกลิ่นอับชื้น ก็ควรรีบนำรถไปล้างแอร์โดยทันที

  • การล้างแอร์แบบถอดตู้ ช่วยทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม เช็กสภาพแอร์ได้สะดวก เพราะมีการถอดตู้แอร์ออกมา แถมยังวิเคราะห์อายุของแอร์ได้ แต่ก็ยังมีความยุ่งยากในการถอดมาล้าง และใช้เวลาในการถอดแอร์ ล้างแอร์ ประกอบแอร์ที่นานกว่า

  • การล้างแอร์แบบล้างเอง แบบไม่ถอดตู้ ช่วยให้ทำความสะอาดง่าย รวดเร็ว แต่เหมาะกับแอร์รถใหม่เท่านั้น เพราะช่วยล้างทำความสะอาดได้ไม่ดีนัก 




การล้างแอร์รถ เป็นหนึ่งในการดูแลรักษารถยนต์ที่เราไม่ควรละเลย เพื่อที่จะช่วยทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก และช่วยให้อุณหภูมิรถเย็นขึ้น แล้วการล้างแอร์ควรจะต้องล้างอย่างไร ล้างบ่อยแค่ไหน ถึงจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาประหยัดพลังงาน และเชื้อเพลิงพร้อมกันได้ในบทความนี้เลย! 

ทำไมต้องล้างแอร์รถยนต์

แอร์รถยนต์ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารสามารถเดินทางไปที่ต่าง ๆ ได้อย่างสบายกาย และสบายใจ เนื่องจากแอร์รถจะคอยช่วยทำหน้าที่หมุนเวียนอากาศภายในรถยนต์ขณะขับขี่ ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้ผู้ขับขี่ หรือดูแลเรื่องกลิ่นอับ อีกทั้งยังช่วยคัดกรองฝุ่นควัน และเชื้อโรคได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น การล้างแอร์รถยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาจส่งผลต่อความปลอดภัย และความสะดวกสบายในระหว่างการเดินทางได้นั่นเอง

ล้างแอร์รถยนต์ ต้องล้างบ่อยแค่ไหน

โดยปกติแล้ว การล้างแอร์รถยนต์ควรล้างปีละ 1-2 ครั้ง เป็นอย่างต่ำ หรือหากรถยนต์มีการใช้งานค่อนข้างบ่อย ก็ควรที่จะล้างแอร์รถในช่วงระยะประมาณ 10,000-20,000 กิโลเมตร ซึ่งความถี่ในการล้างแอร์รถยนต์อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรล้างแอร์รถตอนไหน? คือเมื่อแอร์เริ่มไม่เย็น แอร์เบาลง หรือมีกลิ่นอับชื้น ผู้ขับขี่ก็สามารถล้างแอร์รถ หรือตรวจเช็กสภาพการทำงานของแอร์ได้เลย แม้ว่าจะยังไม่ครบเวลา หรือจำนวนไมล์ที่ใช้งานตามกำหนด 

อาการรถยนต์แบบไหน เป็นสัญญาณว่าควรล้างแอร์

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกได้ว่าเราควรล้างแอร์รถยนต์ มีดังนี้ 

  • มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นเหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว อาจจะมาจากการสะสมของกลิ่นอาหาร กลิ่นสิ่งของเครื่องใช้ หรือแม้แต่กลิ่นเหงื่อที่มาจากผู้โดยสารที่ถูกสะสมอยู่ และไม่มีการหมุนเวียนระบายอากาศ

  • แอร์มีเสียงดังขณะที่ทำงาน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการทำงานที่ผิดปกติ หรือเพราะมีหนู และสัตว์ตัวเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ภายในแอร์ 

  • แอร์ไม่เย็น หรือให้ความเย็นได้ไม่ดีในเวลาที่มีแดดจ้า หรืออากาศร้อน 

  • มีน้ำหยดออกมาจากแอร์ อาจเกิดจากการมีสิ่งสกปรกอุดตันที่แอร์รถ หรือระบบท่อแอร์ทำงานผิดปกติไม่เต็มประสิทธิภาพ 

  • รถมีอายุการใช้งานเกิน 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป 

วิธีล้างแอร์รถยนต์

วิธีการล้างแอร์รถยนต์นั้นมีทั้งแบบถอดตู้ แบบไม่ถอดตู้ และแบบล้างเอง ดังนี้

ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้

การล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้ เป็นการล้างโดยการรื้อถอดตู้แอร์ แผงคอยล์เย็น-ร้อน เรียกได้ว่าเป็นการรื้อแอร์ออกมาล้างทำความสะอาด ขจัดสิ่งสกปรกออกให้เหมือนใหม่ทั้งหมด ซึ่งการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้ราคาจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ความยากง่ายในการทำความสะอาดของรถแต่ละรุ่น หรือน้ำยาในการทำความสะอาด 

ข้อดี

  • ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม

  • ตรวจสอบ และเช็กสภาพของแอร์ได้สะดวก ในระหว่างการถอดตู้แอร์เพื่อทำความสะอาด

  • ประเมินอายุการใช้งานของแอร์ได้ 

ข้อเสีย

  • มีความยุ่งยากในการถอดล้างทำความสะอาดมากกว่าแบบอื่น ๆ 

  • ใช้เวลาในการถอดแอร์ ล้างแอร์รถ และประกอบที่นานกว่า

  • หากทำความสะอาดไม่ดี หรือล้างน้ำยาไม่หมด อาจทำให้น้ำยาเข้าไปกัดกร่อนคอยล์เย็นจนเกิดความเสียหายได้

  • ค่าใช้จ่ายในการล้างแอร์รถยนต์แบบนี้สูงกว่าการล้างแอร์รถยนต์รูปแบบอื่น ๆ 

ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้

การล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้ จะมีความสะดวกในการล้างมากกว่า โดยการล้างแอร์รถจะเป็นการนำเอาท่อสอดเข้าไปเพื่อฉีดล้างทำความสะอาดด้านในแอร์ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการล้างแอร์รถยนต์ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม เหมาะมากต่อผู้ที่ต้องการดูแลรักษาแอร์รถยนต์แบบสม่ำเสมอ และแอร์รถที่ไม่ค่อยสกปรกมากนัก และเนื่องจากเป็นการล้างที่ไม่ได้มีขั้นตอนมากนัก การล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้จึงมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก 

ข้อดี

  • ไม่มีความยุ่งยากในการล้างแอร์รถยนต์ เพราะไม่ต้องรื้อคอนโซลรถเพื่อล้างแอร์รถ 

  • ทำความสะอาดได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว

  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง

ข้อเสีย

  • การทำความสะอาดไม่ได้มีรายละเอียดมาก ซึ่งหากแอร์รถมีความสกปรกมาก การเลือกล้างแอร์ไม่ถอดตู้จะทำให้สิ่งสกปรกยังคงตกค้างอยู่ 

ล้างแอร์รถยนต์แบบล้างเอง

การล้างแอร์รถด้วยตัวเอง เป็นวิธีการล้างแอร์รถที่สามารถทำได้ง่าย ๆ สะดวก รวดเร็ว และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้สเปรย์ทำความสะอาดรถยนต์ มาพ่นฉีดช่องแอร์ตามวิธีการใช้งานที่ระบุไว้บนฉลาก โดยส่วนมากแล้วจะพ่นทิ้งไว้ เพื่อให้น้ำยาเข้าไปล้างสิ่งสกปรก และไหลออกมาเองตามท่อน้ำทิ้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีความชำนาญมากพอ ก็ควรนำแอร์รถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญล้างดีกว่า เพื่อความปลอดภัย ทั้งต่อทรัพย์สิน และต่อชีวิตนั่นเอง

ข้อดี

  • ทำความสะอาดได้ง่าย 

  • สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปร้านเพื่อล้างแอร์รถ

  • ราคาไม่สูง

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะต่อรถที่มีการใช้งานมานาน แต่เหมาะสำหรับแอร์รถใหม่เท่านั้น 

  • ล้างทำความสะอาดได้ไม่ดีมากนัก 

ข้อแตกต่างระหว่าง ล้างเอง VS ศูนย์ดูแลรถยนต์ล้างให้

การล้างแอร์รถ สามารถเลือกทำได้หลากหลายรูปแบบตามที่ผู้ใช้งานรถยนต์ต้องการ โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือการล้างแอร์รถด้วยตัวเอง กับการล้างแอร์รถยนต์โดยศูนย์ล้างรถ ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างสองแบบนี้คือ การล้างแอร์รถยนต์เองสามารถทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไม่สูง หากแต่การล้างเองอาจทำให้ไม่สะอาดมากพอ หรือถ้าล้างผิดวิธี ก็อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อแอร์รถได้ ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซ่อมบำรุงที่มากขึ้นนั่นเอง

 

การล้างแอร์รถยนต์โดยการนำเข้าศูนย์ดูแลรถ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราได้ว่า แอร์จะกลับมาสะอาด ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกลัวว่าแอร์อาจได้รับความเสียหายจากการล้างที่ผิดวิธี เพราะการล้างแอร์รถโดยศูนย์ จะเป็นการดูแลโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแอร์รถยนต์จะกลับมาใช้งานได้ดี และเย็นสบายมากขึ้น อากาศในรถจะหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี ไร้กลิ่นอับที่รบกวนใจ แต่ถ้าหากกังวลว่าการล้างแอร์รถยนต์อาจทำให้เสียเวลา ก็ควรเลือกศูนย์ให้บริการรถที่มีความเป็นมืออาชีพ มีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพ

ถ้าไม่ได้ล้างแอร์รถยนต์เป็นเวลานาน จะเกิดอะไรขึ้น

แอร์รถยนต์เป็นส่วนที่ควรได้รับการล้าง ดูแล บำรุง และรักษาไม่ต่างไปจากองค์ประกอบอื่น ๆ ของรถยนต์ เพราะอากาศในรถยนต์ก็เป็นหนึ่งหัวใจหลักในการเดินทาง ดังนั้น เราจึงควรล้างแอร์รถเป็นประจำ ซึ่งหากไม่ได้ดูแลรักษา หรือล้างแอร์รถ ก็อาจทำให้เกิดสิ่งสกปรกสะสมตามบริเวณช่องลมแอร์ คอยล์แอร์ หรือท่อน้ำทิ้งของแอร์ ที่จะทำให้แอร์รถยนต์ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และหากทิ้งระยะเวลาไปนาน ก็อาจทำให้แอร์รถยนต์พัง จนทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และเสียเวลามากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ค่าซ่อมแอร์อาจจะมีราคาที่สูงมาก และสูงกว่าราคาล้างแอร์รถยนต์เสียอีก
 

สรุป

การล้างแอร์รถยนต์เป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลรักษารถยนต์ จึงควรใส่ใจในการดูแล และล้างแอร์เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือทุก ๆ 10,000-20,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ หากพบว่าแอร์เริ่มมีการทำงานที่ผิดปกติ แอร์ไม่เย็น มีกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ ก็สามารถล้างแอร์รถเพื่อให้แอร์ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดยไม่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการล้างแอร์รถยนต์มีทั้งแบบล้างถอดตู้ ที่ล้างโดยผู้เชี่ยวชาญ และช่วยล้างแอร์รถได้อย่างสะอาดหมดจด หรือการล้างแอร์รถแบบไม่ถอดตู้ และการล้างแอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งเราสามารถเลือกการดูแลรักษาแอร์ที่เหมาะสมได้ตามความต้องการเลย

อย่างไรก็ตาม การล้างแอร์รถยนต์แต่ละวิธีย่อมมีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไป แต่วิธีที่จะช่วยดูแลรักษา และเพิ่มความมั่นใจได้ว่าแอร์รถจะสะอาด และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ คือการนำแอร์รถยนต์ไปล้างโดยศูนย์ล้าง ที่ล้างโดยช่างมืออาชีพ Autobacs ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ ที่จะช่วยดูแลรถยนต์ของคุณแบบครบวงจรรวมถึงเรื่องแอร์รถ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ มีเครื่องมือที่มีคุณภาพ ทันสมัย พร้อมตรวจเช็กสภาพรถ และให้บริการล้างแอร์รถที่เหมาะสมกับรถยนต์ หรือการล้างแอร์อบโอโซน รับรองได้ว่าปลอดภัยในทุกขั้นตอนอย่างแน่นอน 

autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autiobacs-photos
autobacsOTHER BLOGS

E-mail

Call Center

autobacs-contact

LINE Official

autobacs-line

Messenger

autobacs-messenger
to-top