
ผ้าเบรกหมดอาการเป็นอย่างไร ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
Post Date: 2 Aug 2024
ผ้าเบรกคือ สิ่งที่ผู้ใช้รถจะต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ผ้าเบรกหมดอาการเป็นอย่างไร อันตรายไหม ต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่ถึงจะดี? หาคำตอบได้ในบทความนี้
ผ้าเบรก คืออะไร
ผ้าเบรก คือ อะไหล่ภายในรถยนต์ ที่มีความสำคัญต่อระบบการเบรกของรถยนต์โดยตรง โดยผ้าเบรกมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบน ๆ มีรูปทรงโค้งมนคล้ายตัวซี (C) อยู่ภายในคาลิเปอร์เบรก โดยจะติดตั้งอยู่ระหว่างขาเบรกกับดรัมเบรกเสมอ หน้าที่ของผ้าเบรก คือ สร้างแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกกับระบบดรัมเบรก หรือระบบดิสก์เบรก เพื่อช่วยชะลอความเร็ว หรือหยุดความเร็วของรถยนต์ขณะขับขี่ อีกทั้งผ้าเบรกก็มีความสำคัญต่อตัวรถ ช่วยให้ระบบเบรกของรถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยในการขับขี่ แต่หากผ้าเบรกหมดอายุการใช้งาน ก็ควรรีบเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่โดยทันที เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน
ผ้าเบรกมีกี่ประเภท
ในปัจจุบันชนิดของผ้าเบรก จะแบ่งตามสไตล์การขับขี่ ดังนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ในการเบรก จึงควรเลือกผ้าเบรกให้เหมาะสมกับรถยนต์ที่ใช้งานหรือสไตล์การขับขี่บนท้องถนนด้วย รวมทั้งควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อหมดอายุการใช้งาน ซึ่งผ้าเบรคมี 4 ชนิดด้วยกัน ดังนี้
ผ้าเบรกออร์แกนิก
ผ้าเบรกออร์แกนิค (Organic brake pad) คือ ผ้าเบรกที่ผลิตจากเส้นใย มีส่วนประกอบหลักเป็น ใยแก้ว ยาง และไฟเบอร์ จุดเด่นของผ้าเบรกออร์แกนิก มีราคาถูก แต่อายุการใช้งานผ้าเบรกรถยนต์หมดเร็วกว่าผ้าเบรกชนิดอื่น ๆ ส่วนการใช้งานเวลาเบรก จะรู้สึกถึงความนุ่มนวล และไม่มีเสียงดังเวลาขณะเหยียบเบรก ผ้าเบรกชนิดนี้เหมาะกับรถที่ขับขี่ในเมืองทั่วไป และใช้ความเร็วในการขับขี่ไม่สูงมาก
ผ้าเบรกเมทัลลิก
ผ้าเบรกเมทัลลิก (Metallic brake pad) คือ ผ้าเบรกที่ได้รับความนิยม เพราะมีอายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์ได้นาน แต่มีราคาสูง เนื่องจากผ้าเบรกที่มีส่วนผสมของโลหะ ซึ่งจุดเด่นของผ้าเบรกเมทัลลิก ทนต่อความร้อนสูง ช่วยลดแรงเสียงทานระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรกได้อย่างดี แต่หากใช้งานไปสักระยะ ผ้าเบรกก็จะมีเสียงดัง ส่งผลให้ผ้าเบรกหมดอายุและจานเบรกเสื่อมสภาพได้เร็ว เหมาะกับรถที่บรรทุกของหนักเป็นประจำ รวมถึงรถบรรทุกที่ต้องการความมั่นใจในการเบรก
ผ้าเบรกเซมิเมทัลลิก
ผ้าเบรกเซมิเมทัลลิก (Semi-Metallic brake pad) เป็นผ้าเบรกที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน เพราะเป็นผ้าเบรกที่มีส่วนประกอบของใยหินและโลหะมากถึง 65% มีจุดเด่นที่มีความทนทานต่อความร้อนสูง ระบายความร้อนได้ดี และมีอายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์ นานกว่าแบบออร์แกนิกและเมทัลลิก ซึ่งผ้าเบรกเซมิเมทัลลิกเหมาะกับรถที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และต้องการประสิทธิภาพในการเบรกที่รวดเร็วและปลอดภัย
ผ้าเบรกเซรามิก
ผ้าเบรกเซรามิก (Ceramic brake pad) คือ ผ้าที่เบรกที่มีความทนทานมากที่สุด โดยวัสดุของผ้าเบรก จะมีส่วนผสมของเซรามิกและเส้นใยทองแดงช่วยเพิ่มแรงเสียดทาน มีจุดเด่นในเรื่องทนทานต่ออุณหภูมิต่ำจนถึงอุณหภูมิสูง เสียงเบรกเงียบ ฝุ่นน้อยกว่า มีอายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์ นานกว่าผ้าเบรกเซมิเมทัลลิก แต่ราคาค่อนข้างสูง เนื้อผ้าของผ้าเบรกไม่สามารถดูดซับความได้ดีเท่าที่ควร อาจทำให้จานเบรกมีความร้อนสูง และเสื่อมสภาพได้เร็ว ทำให้เหมาะกับการใช้ในการแข่งขันมากกว่า
ทำไมผ้าเบรกหมดจึงหมดเร็วกว่าปกติ
ทุกครั้งในการขับขี่และการเหยียบเบรก ผ้าเบรกก็จะถูกใช้งานเสมอ ซึ่งหากมีการใช้งานผ้าเบรกบ่อย ๆ ผ้าเบรกก็จะเสื่อมสภาพขึ้นเรื่อย ๆ ตามการใช้งาน ลักษณะของผ้าเบรกหมด ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองง่าย ๆ คือ เสียงดังเวลาเหยียบเบรก การที่เหยียบเบรกลึกกว่าปกติ หรือสัญญาณเตือนไฟเบรกโชว์บนแผงหน้าปัด เป็นต้น
สำหรับอาการผ้าเบรกหมดเร็ว ก็ขึ้นได้หลายปัจจัยจากการใช้งาน จนทำให้ผ้าเบรกหมดเร็วกว่าปกติ ดังนี้
การเหยียบเบรกบ่อยมากเกินไป ทำให้เบรกหลังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และเบรกหน้าทำงานหนักขึ้น ส่งผลต่อการทำงานของหม้อลมเบรก แม่ปั๊มเบรก และทำให้วาล์วปรับแรงดันไม่เหมาะสม รวมถึงการเหยียบเบรกรุนแรง จนผ้าเบรกเกิดความร้อนสูง ทำให้ผ้าเบรกเสียหายได้เร็ว
การติดตั้งอุปกรณ์เบรกที่ไม่เหมาะสม เช่น ติดตั้งอุปกรณ์ไม่ตรงรุ่น แผ่นซีลยางของคาลิเปอร์เบรกผิดขนาด หรือหมุดยึดโค้งงอเสียรูป เป็นต้น
เกิดจากจานเบรกที่ไม่มีประสิทธิภาพ คือ ติดตั้งจานเบรกไม่ตรงตำแหน่ง และจานเบรกมีรูปร่างหนาหรือบางเกินกว่าที่คู่มือกำหนดไว้
หากผ้าเบรกหมดจะเป็นอย่างไร อันตรายไหม
หากผ้าเบรกเริ่มสึกหรอและหมดอายุ จะทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกและโรเตอร์ มีไม่มากพอที่จะช่วยในการชะลอรถให้ช้าลงหรือหยุดรถได้ ในกรณีที่ขับมาด้วยความเร็วสูง และต้องเบรกอย่างรวดเร็ว ก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ขับขี่และผู้ใช้งานคนอื่น ๆ บนท้องถนน
สัญญาณเตือนว่าผ้าเบรกกำลังจะหมด
สำหรับผู้ใช้รถเป็นประจำก็สามารถสังเกตอาการผ้าเบรกกำลังจะหมดก่อนเกิดเหตุได้ว่า เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนผ้าเบรก ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ง่าย ๆ ดังนี้
มีเสียงดังเมื่อเหยียบเบรก
วิธีสังเกตแรกของอาการผ้าเบรกกำลังจะหมด คือ เวลาเหยียบเบรกแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนเหล็กสีกัน หรือเสียงครืด ๆ คล้ายเสียงแท่งเหล็กขูดกัน ซึ่งอาจเกิดจากเศษหินเข้าไปติดระหว่างจานเบรก จนทำให้เกิดเสียงดังระหว่างเหยียบเบรก
ดึงเบรกมือสูงกว่าปกติ
การใช้งานเบรกมือ คือ ใช้เพื่อเบรกให้รถจอดหยุดนิ่ง และป้องกันการไหลของรถ ซึ่งวิธีดูอาการผ้าเบรกเสื่อมหรือหมด คือ หากต้องดึงเบรกมือสูงกว่าปกติ เพื่อให้รถจอดสนิท แสดงว่า ผ้าเบรกกำลังเสื่อมสภาพ และต้องทำการเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่โดยทันที
เหยียบเบรกลึกกว่าปกติ
ขณะที่ขับรถด้วยความเร็ว และต้องย้ำเบรกหลายครั้ง หรือต้องเหยียบเบรกลึกกว่าปกติ เพื่อให้รถชะลอ หรือหยุดนิ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนของอายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์กำลังจะหมด แนะนำว่าควรนำรถไปตรวจเช็กจึงจะดีที่สุด
สัญญาณไฟเบรกขึ้นโชว์ที่หน้าปัด
วิธีสังเกตที่ง่ายที่สุดว่าอายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์กำลังจะหมดหรือไม่ คือการดูสัญญาณไฟสีแดงเตือนที่แผงหน้าปัด ซึ่งจะเป็นตัวเซนเซอร์เตือนขึ้นมา แสดงว่าผ้าเบรกกำลังจะหมดก็ควรนำรถไปศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนผ้าเบรกโดยทันที
ปริมาณน้ำมันเบรกต่ำกว่าเกณฑ์
สำหรับผู้ใช้รถเจอปัญหาปริมาณน้ำมันเบรกต่ำกว่าเกณฑ์ สามารถตรวจเช็กได้โดย ดูกระปุกน้ำมันเบรกที่หน้ากระโปรงรถ และตรวจสอบดูว่ามีรอยรั่วหรือไม่ ซึ่งหากไม่เจอ อาจแสดงว่าขนาดผ้าเบรกลดลง ทำให้น้ำมันซึมอยู่ตามสายเบรก ทำให้ต้องเหยียบเบรกหลายครั้ง หรือรถเบรกไม่อยู่ ส่งผลให้อายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์สั้นลง
ผ้าเบรกมีอายุการใช้งานกี่ปี
โดยปกติแล้ว อายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์ จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 60,000 – 80,000 กิโลเมตร ถึงจะครบระยะการเปลี่ยนผ้าเบรก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนผ้าเบรกก่อนกำหนด จากการที่เบรกแล้วไม่ค่อยอยู่เท่าที่ควร รถมีเสียงดังเวลาเบรก รวมถึงเบรกแล้วได้กลิ่นไหม้ เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ ควรรีบเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ก่อนระยะกำหนด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน
วิธีถนอมและดูแลผ้าเบรก เพื่อยืดอายุการใช้งาน
ผ้าเบรกเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ หากไม่ดูแลผ้าเบรกให้ดี ก็จะทำให้อายุการใช้งานของผ้าเบรกรถยนต์สั้นลง และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเบรก ดังนั้น จึงมีวิธีดูแลผ้าเบรก เพื่อยืดอายุการใช้งาน และให้ผู้ใช้รถขับขี่ได้ปลอดภัย
ทำความสะอาดจานเบรกเป็นประจำ เพราะทุกครั้งที่ขับรถ เศษฝุ่น เศษดิน ก็จะเกาะอยู่บนจานเบรกด้วย และหากทิ้งไว้นาน ๆ ก็จะแข็งตัว ทำให้เนื้อของผ้าเบรกยิ่งเสื่อมเร็ว ดังนั้น เวลาที่ล้างรถ จึงควรทำความสะอาดและล้างจานเบรกด้วย
ไม่เหยียบเบรกรุนแรง ในกรณีฉุกเฉินจนต้องเหยียบเบรก จะทำให้ระบบ ABS ทำงานหนักมากขึ้น เกิดแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกและจานเบรก ทำให้ผ้าเบรกหมดเร็ว ดังนั้น เวลาขับรถควรขับด้วยความมีสติ ระมัดระวัง และไม่ประมาทในการขับขี่ เพื่อลดการเหยียบเบรกรุนแรงเวลาฉุกเฉิน
ไม่แช่เบรกค้างไว้นาน ๆ มักเกิดขึ้นได้ในการขับรถขึ้นเขาหรือลงเขา เพราะการแช่เบรกจะทำให้ความร้อนของผ้าเบรกและจานเบรกสูงขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเบรก และทำให้อุปกรณ์การเบรกเสื่อมเร็ว
ควรตรวจเช็กการใช้ผ้าเบรกเป็นประจำ เช่น เหยียบเบรกแล้วมีเสียงดังหรือไม่ เหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าต้องเหยียบแป้นลึกกว่าปกติ รถถึงจะหยุด รวมถึงการสังเกตตัวเซนเซอร์เตือนผ้าเบรกหมด เป็นต้น
ทำความสะอาดอุปกรณ์อื่น ๆ ของระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลูกยางกันฝุ่น ลูกยางแม่ปั๊มเบรก หรือ ลูกสูบเบรก ทั้งการถอดมาล้าง และเช็กว่ามีอุปกรณ์ไหนบ้าง ที่ชำรุด ฉีกขาด หรือเสียหาย เพื่อที่จะได้ทำการแก้ไข หรือเปลี่ยนใหม่
ใช้ลมยางให้เหมาะสม ความดันของลมยางมีผลต่อระบบเบรกต่าง ๆ ไม่ควรใช้ลมยางแข็งหรืออ่อนมากเกินไป เพราะจะทำให้ผ้าเบรกต้องทำงานหนักขึ้นเช่นกัน
สรุป
ผ้าเบรก คือ ชิ้นส่วนสำคัญสำหรับระบบการเบรกของรถยนต์ มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมบาง ๆ มีทรงโค้งในคล้ายตัวซี (C) มักจะติดตั้งระหว่างขาเบรกกับดรัมเบรก หน้าที่ผ้าเบรกรถยนต์ สร้างแรงเสียดทานกับระบบเบรก เพื่อช่วยชะลอหรือหยุดความเร็วของรถ อีกทั้งผ้าเบรกก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างปลอดภัย
ถ้าผ้าเบรกค่อย ๆ เสื่อมสภาพ หรือกำลังจะหมด จะส่งผลต่อระยะการเบรก ทำให้ต้องเหยียบเบรกลึกขึ้นจนกว่ารถจะชะลอหรือหยุดนิ่ง และกรณีขับรถมาด้วยความเร็วสูง ต้องเบรกกะทันหัน ก็เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เช่นกัน ซึ่งการสังเกตอาการผ้าเบรกหมดก็ทำได้ง่าย ๆ เช่น รถมีเสียงดังขณะเหยียบเบรก หรือเหยียบเบรกลึกกว่าปกติ, การดึงเบรกมือที่สูงกว่าปกติ และวิธีง่าย ๆ อย่างเซนเซอร์ตัวเตือนผ้าเบรกใกล้หมดอายุ
ที่สำคัญ เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนผ้าเบรก หรือถึงเวลาเช็กสภาพรถควรนำรถเข้าศูนย์ เพื่อให้ช่างตรวจเช็กสภาพความเรียบร้อยของระบบต่าง ๆ สามารถนำรถมาตรวจเช็กได้ที่AUTOBACS Thailand ศูนย์ดูแลรถครบวงจร ทุกเรื่องรถต้องออโต้แบคส์ เพราะที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมทีมช่างผู้ชำนาญ ที่ช่วยดูแล และตรวจเช็กสุขภาพรถเบื้องต้น มั่นใจในทุกการบริการ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย